รีวิว The Chocolate Factory เขาใหญ่ ร้านอาหารอิตาเลียนและของหวานสำหรับคนรักช็อกโกแลต พร้อมบรรยากาศดีน่านั่ง!
ใกล้สิ้นปีแบบนี้ขอชวนเปลี่ยนบรรยากาศออกเดินทางไกล มาแวะร้านอร่อยๆ อย่าง The Chocolate Factory เขาใหญ่ ร้านอาหารที่มาในบรรยากาศดีๆ รายล้อมด้วยลมเย็นๆ นั่งชิลกันได้ยาวๆ ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและวันปีใหม่ที่กำลังจะถึง และยังมาพร้อมเมนูช็อกโกแลตสุดพรีเมียมอันหลากหลายในแบบที่ชาว Chocolate Lovers ต้องประทับใจ! เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักช็อกโกแลตอย่างแท้จริง หรือถ้าใครอยากจะจัดเต็มให้อิ่มจุใจ ทางร้านก็ยังมีเมนูอาหารอิตาเลียน-ไทยที่รังสรรค์โดยเชฟมากประสบการณ์ให้เลือกทานอีกด้วยค่ะ
การเดินทาง
The Chocolate Factory สาขาเขาใหญ่จะตั้งอยู่ติดกับถนนธนะรัชต์ อำเภอปากช่องค่ะ ตัวร้านจะอยู่ก่อนถึงเขาใหญ่ สำหรับใครที่เดินทางมาจากกทม. จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.ครึ่งค่ะ ส่วนที่จอดรถจะอยู่ด้านหลังร้าน ลูกค้าของทางร้านสามารถนำรถยนต์เข้าไปจอดได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ
บรรยากาศร้าน
เมื่อมาถึงร้าน The Chocolate Factory สาขาเขาใหญ่แล้วจะได้เจอกับบรรยากาศร้านที่ค่อนข้างปลอดโปร่ง กว้างขวาง และมีมุมให้เลือกนั่งเยอะเลยทีเดียวค่ะ สำหรับสาขานี้จะแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ โซนร้านอาหาร โซนคาเฟ่ และโซนช็อปปิ้ง
สำหรับโซนร้านอาหารจะเป็นโซนชั้นบนสุด มีที่นั่งทั้ง Indoor แบบห้องปรับอากาศ และ Outdoor ที่เน้นความสบายๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลักค่ะ และถ้าหากใครไปในช่วงนี้ก็จะได้เห็นการตกแต่งไฟต่างๆ ให้เข้ากับเทศกาลคริสต์มาสอีกด้วย ใครที่เป็นสายถ่ายรูปรับประกันว่าประทับใจแน่นอนค่ะ
Restaurant Zone
Restaurant Zone
ส่วนโซนช็อปและโซนคาเฟ่จะอยู่ด้านหน้าสุดของร้าน โซนช็อปปิ้งจะตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ค่ะ โซนนี้จะเหมาะสำหรับลูกค้าที่อยากเลือกซื้อช็อกโกแลตกลับบ้าน โซนนี้จะตกแต่งแตกต่างจากโซนร้านอาหารนะคะ แต่ยังมีการประดับให้เข้ากับเทศกาลคริสต์มาส และมีชั้นวางให้ลูกค้าได้เลือกดูขนมต่างๆ เพดานจะมีการวาดลวดลายที่สื่อถึงช็อกโกแลต มีมุมให้ถ่ายรูปเล็กน้อยด้านหน้า และมีห้องกระจกใสให้มองเห็นการทำช็อกโกแลตกันแบบสดๆ
และโซนสุดท้ายอย่างโซนคาเฟ่จะตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ โซนนี้จะเหมาะสำหรับลูกค้าที่เน้นของหวานและเครื่องดื่มโดยเฉพาะเลยค่ะ
Shop Zone
ช็อกโกแลตทำสดใหม่ทุกวันใน Shop Zone
เมนูและราคาอาหาร
นอกจากบรรยากาศจะดีงามน่าประทับใจแล้ว เมนูอาหารของทางร้านก็อลังการไม่แพ้กันค่ะ เพราะถึงแม้จะได้ชื่อว่า The Chocolate Factory แต่เมนูของทางร้านนั้นมีให้เลือกทานหลากหลายมากๆ ตั้งแต่เมนูของคาวไปจนถึงของหวานเลยค่ะ
สำหรับเมนูหลักๆ ในโซนร้านอาหารก็จะเน้นเป็นอาหารยุโรป-อิตาเลียนและเมนูอาหารไทยค่ะ แต่ละเมนูจะดูแลโดยเชฟมากประสบการณ์ และรังสรรค์จากวัถตุดิบชั้นดีนำเข้าจากต่างประเทศและวัตถุดิบท้องถิ่น โดยจะมีทั้งแบบรสชาติต้นตำรับและเมนูฟิวชั่นให้ลูกค้าเลือกทานแบบละลานตากันเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย ซุป สลัด พาสต้า พิซซ่า สเต๊ก บาร์บีคิว อาหารจานเดียว เช่น ผัดไทย ข้าวผัด ขนมจีน แกงไทย และเมนูมังสวิรัติ
นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูที่น่าสนใจอย่างเมนูอาหารที่ทางร้านรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ โดยจับคู่ระหว่างจานหลัก เช่น สลัด ไส้กรอก และสเต๊กมามิกซ์กับซอสช็อกโกแลต จนออกมาเป็นเมนูอาหารที่มีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับ The Chocolate Factory เองค่ะ
ส่วนของหวานของทางร้านก็น่าสนใจมากๆ เพราะเมนูของหวานของทางร้านนั้นจะมีช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมหลัก จุดเด่นของตัวช็อกโกแลตจะอยู่ตรงที่มีการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากเบลเยียม ฝรั่งเศส และสวิสเซอร์แลนด์ รวมถึงดูแลโดยเชฟ Eric Perez เชฟขนมหวานมือวางอันดับ 2 ของโลกอีกด้วยค่ะ
สำหรับช็อกโกแลตทางร้านจะมีเมนูของหวานสำหรับโซนร้านอาหารและโซนคาเฟ่โดยเฉพาะ แต่ถ้าใครอยากจะซื้อแบบกลับบ้าน สามารถเลือกซื้อได้ที่โซนช็อปค่ะ
ช็อกโกแลตสุดพรีเมียมรังสรรค์โดยเชฟ Eric Perez
พาสต้าคาโบนาร่า ราคา 220 บาท
สตาร์ทกันด้วยเมนูยอดนิยมสุดคลาสสิกของทางร้านอย่างพาสต้าคาโบนาร่า ที่เน้นรสชาติแบบต้นตำรับผสมผสานระหว่างซอสครีม ไข่ ชีส และเบคอนอย่างลงตัว เพิ่มเติมความอร่อยโรยหน้าด้วยพาร์เมซานชีส และเบคอนกรอบ
พาสต้าคาโบนาร่าทานคู่กับเบคอนกรอบๆ
พิซซ่าพาร์ม่าแฮม ราคา 480 บาท
สำหรับใครที่มาเป็นหมู่คณะ ขอแนะนำพิซซ่าเตาถ่านแบบบางกรอบสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ ทานแล้วได้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เมนูนี้จะเป็นหน้าพาร์ม่าแฮมที่มีรสเค็มนิดๆ เพิ่มเติมด้วยมะเขือเทศสด มอสซาเรลลา และมาสคาโปนชีสค่ะ
หน้าพาร์ม่าแฮม มอสซาเรลลาชีส และมาสคาโปนชีส
พิซซ่าคาปริซิโอซา ราคา 420 บาท
หรือถ้าใครยังไม่อิ่มจุใจกับเมนูพิซซ่า ขอแนะนำพิซซ่าคาปริซิโอซา เมนูแนะนำของทางร้านที่ท็อปด้วยแฮม เบคอน เห็ด และมะกอกดำ อบด้วยเตาถ่านจนออกมามีความกรอบบางน่าทานค่ะ
พิซซ่าแป้งบางกรอบหน้าแฮม เบคอน เห็ด และมะกอกดำ
สเต๊กปลากะพงขาวหนังกรอบเสิร์ฟกับซอสไทม์มะนาว ราคา 350 บาท
นอกจากพิซซ่าแล้ว ทางร้านยังขนเมนูสไตล์อิตาเลียนมาอีกเพียบ! ขอแนะนำอีกหนึ่งเมนูสเต๊กอย่างสเต๊กปลาที่ทางร้านเลือกใช้ปลากะพงและนำมากริลล์จนหนังกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสมะนาวใส่ใบไทม์ มันบด และผักย่างให้ทานคู่กันค่ะ
สเต๊กปลากะพงเนื้อแน่นทานคู่กับซอสไทม์มะนาว
เนื้อย่างกระทะร้อน ราคา 1,580 บาท
เอาใจสาย Meat Lovers กันสักนิด กับเมนู Grilled Mix Meat ที่มัดรวมเนื้อต่างๆ มาไว้ในกระทะร้อนทั้งเนื้อสันใน เนื้อสันนอก หมูสันใน และซี่โครงแกะคัดพิเศษ พร้อมด้วยมันฝรั่งอบ ข้าวโพดย่าง และผักเสียบไม้ค่ะ ส่วนซอสจะเสิร์ฟถึง 3 แบบ 3 สไตล์ให้เลือกทานทั้งน้ำจิ้มแจ่วแบบไทยๆ เรดไวน์ และซอสเห็ดค่ะ
เสิร์ฟกระทะร้อน พร้อมซอส 3 รส 3 สไตล์
น้ำจิ้มแจ่วรสเด็ดเผ็ดจัดจ้าน
แซลมอนแซ่บ ราคา 380 บาท
ทานสไตล์อิตาเลียนกันมาหลายเมนูแล้ว ขอพาไปดูเมนูแซ่บๆ กันบ้าง สำหรับเมนูนี้ทางร้านเลือกใช้แซลมอนนอร์เวย์ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำรสแซ่บแบบไทยๆ เสิร์ฟเรียงสวยออกมาคล้ายๆ กับรูปดอกไม้น่าถ่ายรูปค่ะ พร้อมด้วยสลัดผักร็อกเกต
แซลมอนนอร์เวย์สดๆ ราดด้วยน้ำยำแซ่บแบบไทยๆ
ของหวาน
มาถึง The Chocolate Factory แล้วก็ต้องขอชิมเมนูช็อกโกแลตของทางร้านกันสักนิด ในส่วนของหวานของทางร้านจะมีให้เลือกทานทั้งบิงซูช็อกโกแลต ดาร์คช็อกโกแลตลาวา ช็อกโกแลตโดม และเมนูใหม่อย่าง Molten Cake ค่ะ
สำหรับวันนี้ได้ลองทานช็อกโกแลตโดม ราคา 240 บาท เมนูนี้จะเสิร์ฟเป็นช็อกโกแลตโดมตามชื่อเมนูเลย รายล้อมด้วยผลไม้ต่างๆ เพิ่มรสชาติค่ะ เวลาทานให้ราดช็อกโกแลตร้อนลงบนโดม เพื่อให้โดมละลายรวมกับมูสเฮเซลนัทด้านในค่ะ
ด้านในจะเป็นมูสเฮเซลนัท พร้อมผลไม้นานาชนิด
ส่วนอีกหนึ่งเมนูจะเป็นเมนูน้องใหม่อย่าง Molten Cake ราคา 250 บาท เมนูยอดฮิตมาแรงในโซเชียล และทางร้าน The Chocolate Factory ก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ เมนูนี้ทางร้านจะเสิร์ฟเป็นเค้กช็อกโกแลต ราดด้วยช็อกโกแลตลาวาเยิ้มๆ โรยด้วยผงโกโก้ค่ะ
เค้กช็อกโกแลตราดซอสโกแลตลาวา เมนูใหม่มาแรงของทางร้าน
สรุปรสชาติอาหาร
พาสต้าคาโบนาร่า : ตัวซอสจะมีความครีมๆ ทานแล้วมีกลิ่นหอมของชีส โดยรวมแล้วรสชาติค่อนข้างดีค่ะ ส่วนเส้นสปาเกตตีต้มมาจนสุกนิ่ม และยังหั่นเป็นเส้นเล็กๆ ทำให้ทานง่ายมากยิ่งขึ้นค่ะ
พิซซ่าพาร์ม่าแฮม : แป้งพิซซ่าบางและกรอบมาก มีกลิ่นหอมจากการอบเตาถ่าน ส่วนรสชาติจะมีความเค็มจากแฮมและกลิ่นหอมของชีสเข้ากันได้ดี ส่วนตัวประทับใจเมนูนี้เป็นพิเศษเลยค่ะ
พิซซ่าคาปริซิโอซา : แป้งพิซซ่ามีความบางกรอบ หอมกลิ่นเตาถ่านค่ะ ทานแล้วจะได้กลิ่นหอมของเห็ดและมีรสเปรี้ยวนิดๆ จากมะเขือเทศสดค่ะ
สเต๊กปลากะพงขาวหนังกรอบเสิร์ฟกับซอสไทม์มะนาว : ปลากะพงเนื้อค่อนข้างแน่น และไม่มีกลิ่นคาวเลยค่ะ ตัวซอสจะออกรสเปรี้ยวนิดๆ มีสัมผัสแบบครีมค่ะ เข้ากันดีกับตัวปลากะพงค่ะ แนะนำให้ทานตอนเสิร์ฟใหม่ๆ หนังปลาจะยังคงความกรอบอยู่ค่ะ
เนื้อย่างกระทะร้อน : สำหรับเมนูนี้จะเสิร์ฟเนื้อถึง 4 ชนิด สำหรับเนื้อสันในจะนุ่มที่สุดในบรรดาทุกชนิด จึงค่อนข้างประทับใจส่วนนี้เป็นพิเศษค่ะ ส่วนหมูสันใจกริลล์มาสุกกำลังดี ส่วนซี่โครงแกะมีความนุ่ม แนะนำให้ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วที่มีรสเผ็ดจัดจ้าน จะเข้ากันได้ดีค่ะ
แซลมอนแซ่บ : รสชาติของยำจะเน้นรสเปรี้ยวหวาน ไม่ออกเผ็ดเท่าไร ถึงแม้ไม่ทานเผ็ดเลยก็ยังทานได้ค่ะ แต่อาจจะมีรสหวานนำไปนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ทานรสหวานค่ะ แต่เนื้อแซลมอนมีความสด เนื้อเด้ง ไม่มีกลิ่นคาวเลยค่ะ
ช็อกโกแลตโดม : ทานแล้วจะได้กลิ่นหอมของมูสเฮเซลนัท ส่วนซอสช็อกโกแลตจะเน้นรสหวาน แต่จะเสิร์ฟพร้อมผลไม้ต่างๆ ช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวเข้ามา ทำให้ในหนึ่งคำจะมีทั้งรสเปรี้ยวหวานเข้ากันดีค่ะ
Molten Cake : ตัวเค้กของทางร้านจะเป็นเค้กช็อกโกแลตนิ่ม ส่วนซอสช็อกโกแลตจะมีสัมผัสนวลๆ หอมช็อกโกแลต รสชาติหวานกำลังดีค่ะ สำหรับเมนูนี้จะเสิร์ฟแบบเย็น เป็นเมนูของหวานที่ค่อนข้างประทับใจค่ะ
การประเมินและให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.05 |
บรรยากาศ |
4.15 |
ความคุ้มค่า |
4.00 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.066 |
จุดเด่นของร้าน The Chocolate Factory Khao Yai
1. พื้นที่ภายในร้านจะมีหลายโซนทั้งโซนร้านอาหาร โซนคาเฟ่ และโซนช็อปปิ้ง โดยทั้ง 3 โซนจะแบ่งแยกชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้บริการได้อย่างสะดวกสบายค่ะ
2. เมนูของทางร้านมีให้เลือกทานหลากหลายทั้งอาหารยุโรป-อิตาเลียนและอาหารไทย โดยมีทั้งเมนูเรียกน้ำย่อย ซุป สลัด พาสต้า พิซซ่า สเต๊ก บาร์บีคิว อาหารจานเดียว และของหวาน
3. เมนูอาหารบางเมนูค่อนข้างมีเอกลักษณ์ของทางร้านเอง และหาทานได้ที่นี่เท่านั้นค่ะ โดยเฉพาะเมนูที่ผสมผสานระหว่างช็อกโกแลตและเมนูอาหารจานหลักเข้าด้วยกัน เช่น สลัดและสเต๊ก
4. ทางร้านทำช็อกโกแลตและเมนูของหวานอื่นๆ ออกมารสชาติดี เพราะทางร้านมีการคิดค้นสูตรโดยเชฟขนมหวานมือวางอันดับ 2 ของโลก และมีการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงมีการทำสดใหม่ทุกวันค่ะ
5. บรรยากาศร้านโดยรวมค่อนข้างดี มีความปลอดโปร่งและมีที่นั่งให้เลือกหลายมุมทั้ง Indoor และ Outdoor รวมถึงมีการตกแต่งให้เข้ากับช่วงเทศกาลต่างๆ ทำให้มีความน่านั่ง เหมาะสำหรับการมานั่งทานกันเป็นครอบครัวและกลุ่มเพื่อนค่ะ
6. ที่ตั้งร้านสะดวกต่อลูกค้าที่นำรถยนต์มา เพราะทางร้านมีที่จอดรถบริการด้านหลังร้าน โดยลูกค้าสามารถจอดได้ฟรีไม่คิดค่าบริการค่ะ
7. ทางร้านมีกิจกรรม Workshop สำหรับลูกค้าที่สนใจเรื่องช็อกโกแลตเป็นพิเศษ โดยในแต่ละคอร์สจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที คอร์สละ 380 บาท / 1 ท่าน สำหรับใครที่สนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 095-951-4549
ข้อมูลเพิ่มเติม และข้อเสนอแนะ
1. ราคาอาหารทั้งหมดในเมนูยังไม่รวม Service Charge 10%
2. ร้าน The Chocolate Factory Khao Yai โซนร้านอาหารเปิดบริการทุกวัน 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 092-443-8881 ส่วน Shop Zone เปิดบริการวันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี 09.30-19.30 น. และวันศุกร์-วันเสาร์ 09.30-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 098-263-8887
3. สำหรับช่วง 12.00 น. และช่วง 17.00 น. เป็นต้นไป จะเป็นช่วงเวลาที่ทางร้านมีลูกค้าเข้ามาเยอะเป็นพิเศษ แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า โทร. 092-443-8881
ช็อกโกแลตทำสดใหม่หลากสไตล์หลายรสชาติรังสรรค์โดยเชฟขนมหวานมากประสบการณ์ เรียงรายให้ชาว Chocolate Lovers ได้เลือกทานกันแบบละลานตา พร้อมด้วยเมนูอาหารไทย-อิตาเลียนให้เลือกแบบจุใจ หลากหลายรสชาติความอร่อยที่มัดรวมอยู่ในร้าน The Chocolate Factory เขาใหญ่ พร้อมเสิร์ฟในบรรยากาศดีๆ สุดชิลต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในช่วงสิ้นปี
เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารที่จัดเต็มทั้งอาหารอร่อยๆ ของหวานสุดพรีเมียม และบรรยากาศดีๆ ใครที่กำลังมองหาคาเฟ่ไว้เที่ยวในวันหยุด หรือมองหาร้านอร่อยๆ แวะทานกับครอบครัวและเพื่อนๆ ร้าน The Chocolate Factory เขาใหญ่ แห่งนี้รับประกันความประทับใจค่ะ