รีวิว HANJI ร้านหม้อไฟพรีเมี่ยม น้ำซุปสูตรต้นตำรับส่งตรงจากไต้หวัน ใจกลางเมืองย่านทองหล่อ
สำหรับใครที่กำลังหาร้านหม้อไฟที่พร้อมเสิร์ฟน้ำซุปร้อนๆ รสชาติดีและเนื้อนุ่มๆ พรีเมี่ยมนำเข้า ต้องไม่พลาดกับร้าน HANJI ร้านหม้อไฟสไตล์ไต้หวันที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อใจกลางปี 2019 ถึงแม้จะเป็นร้านน้องใหม่ในย่านทองหล่อ แต่คุณภาพอาหารและรสชาตินั้นผ่านการคัดสรรและปรุงแต่งมาแล้วเป็นอย่างดี ทางร้านนั้นนำเข้าสูตรน้ำซุปสูตรต้นตำรับจากไต้หวันมาเสิร์ฟถึงไทย อีกทั้งยังดูแลโดยเชฟชาวไต้หวันโดยไม่ปรับเปลี่ยนรสชาติ พร้อมด้วยบรรยากาศการตกแต่งร้านที่ช่วยขับเน้นบรรยากาศการทานหม้อไฟ ทำให้ลูกค้าได้เข้าถึงหม้อไฟสไตล์ไต้หวันอย่างแท้จริงค่ะ
HANJI ร้านหม้อไฟพรีเมี่ยม น้ำซุปสูตรต้นตำรับส่งตรงจากไต้หวัน ใจกลางเมืองย่านทองหล่อ
การเดินทาง
ร้าน HANJI ตั้งอยู่ในซอยพร้อมพรรค สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถส่วนตัว สามารถเดินทางมาที่ร้านได้ 2 ทาง ทางแรกคือมาจากซอยทองหล่อ 23 ตัวร้านจะอยู่ห่างจากปากซอยประมาณ 300-400 เมตร เมื่อเข้ามาในซอยทองหล่อ 23 แล้ว เลี้ยวซ้ายแยกแรก จากนั้นขับตรงไป และเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ซอยพร้อมพรรค ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ทางที่สองคือเข้าทางซอยสุขุมวิท 39 เมื่อเข้าไปในซอยแล้วให้ขับตรงไปประมาณ 700 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอยพร้อมศรี จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 800 เมตรให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยพร้อมพรรค และขับตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ มีจุดสังเกตคืออยู่ตรงข้ามกับร้าน Patom Organic Living ค่ะ
สำหรับลูกค้าที่ต้องการที่จอดรถ ร้าน HANJI มีที่จอดรถด้านหลังร้าน รองรับได้ 40-50 คันค่ะ โดยทางร้านมีบริการับจอดรถ (Valet Parking) สำหรับลูกค้าที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาอีกด้วย
หรือหากใครเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ถ้าต้องการเข้าทางซอยทองหล่อ 23 ให้ลงสถานีทองหล่อ ออกทางออก 3 หากต้องการเข้าทางซอยสุขุมวิท 39 ให้ลงสถานีพร้อมพงษ์ และออกทางออก 3 เช่นเดียวกันค่ะ จากนั้นสามารถต่อแท็กซี่หรือเรียกวินมอเตอร์ไซค์ได้เลย
SPONSORED
บรรยากาศภายในร้าน
เมื่อเข้าไปในร้านแล้วจะได้บรรยากาศสบายๆ คล้ายกับทานอาหารภายในบ้าน เพราะตัวร้านนั้นรีโนเวทจากบ้านเก่า 2 ชั้น โดยมีการยกสูงและตกแต่งบรรยากาศให้เป็นสไตล์ไต้หวันเพื่อให้เข้ากับการทานหม้อไฟไต้หวัน และนำมาผสมผสานความโมเดิร์นเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย
การตกแต่งร้านบางส่วนได้รับแรงบันดาลใจจากหมู่บ้านประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า Erkan Historic Village หมู่บ้านโบราณริมทะเล ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ของประเทศไต้หวัน ภายในร้านจึงมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องฉลุสีเขียวมรกตตามสไตล์ไต้หวัน รวมไปถึงใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้แบบตู้ยาจีนช่วยขับเน้นบรรยากาศ ส่วนการตกแต่งภายในอื่นๆ จะคงคอนเซ็ปต์ให้เข้ากับความเป็นหม้อไฟ เช่น ที่ผนังจะมีลวดลายจิตรกรรมเป็นลายเนื้อสวยงาม ผลงานจากสตูดิโอ Cabret Moon รวมไปถึงงานคราฟต์ไม้ไผ่บนเพดานก็ออกแบบรูปทรงให้คล้ายกับควันของเตาหม้อไฟ ซึ่งเป็นงานคราฟต์ทำมือทุกชิ้นจากฝีมือคุณกรกต อารมย์ดี ศิลปินคราฟต์ไม้ไผ่ของไทย โดยสไตล์การตกแต่งทั้งหมดจะนำมาผสมผสานกับสไตล์ลอฟต์ปูนเปลือยพร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้ จึงมีความโมเดิร์นทันสมัยไปในตัวค่ะ
สำหรับโต๊ะทานอาหารมีให้เลือก 2 แบบ หากใครที่มาเป็นหมู่คณะสามารถนั่งโต๊ะใหญ่ รองรับได้โต๊ะละประมาณ 4-5 คน หรือหากใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็มีที่นั่งบาร์ในชั้น 2 ค่ะ
SPONSORED
ภาพบรรยากาศชั้นล่างและภาพวาดฝาผนังจากสตูดิโอ Cabret Moon
ภาพบรรยากาศชั้นบน ที่นั่งสำหรับลูกค้าที่ต้องการนั่งบาร์ พร้อมกับชมงานศิลปะควันหม้อไฟจากไม้ไผ่
เมนูและราคา
เมนูของทางร้านมีเสิร์ฟเป็น Set และ A La Carte สำหรับการสั่งเป็นเซ็ตลูกค้าสามารถเลือกเมนูภายใน 5 ขั้นตอน โดยเริ่มจากการเลือกเนื้อวัวและเนื้อหมู ราคาทั้งหมดภายในเซ็ตจะคิดตามราคาเนื้อสัตว์ที่เลือก ขั้นตอนที่สองคือเลือกน้ำซุป จากนั้นเลือกเครื่องเคียง ตามด้วยของทานเล่นและชุดผัก ซึ่งในเซ็ตจะมีของหวานรวมอยู่แล้วค่ะ และหากลูกค้าต้องการอาหารเพิ่ม สามารถเลือกสั่งจากเมนูในราคา A La Carte ได้เลยค่ะ (ราคาอาหารทั้งหมดยังไม่รวม VAT 7% และ Service Charge 10%)
สำหรับเมนูที่ Ryoii ได้ทานจะเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน ดังนี้ค่ะ Shimabara F1 Wagyu Striploin เนื้อวากิวสันนอก เมืองชิมาบาระ, Aus Wagyu Outside Flat เนื้อวากิว ออสเตรเลีย, Aus Oyster Blade เนื้อใบพาย ออสเตรเลีย, Tontoro Pork Neck เนื้อหมูทงโทโร่, Pork Belly เนื้อหมูส่วนท้อง, Pork Loin เนื้อหมูสันนอก, Minced Pork Rice ข้าวสวยราดหมูซีอิ๊ว, Taiwanese-Stlye Somen เส้นโซเม็งลวกสไตล์ไต้หวัน, Spicy Chicken Blood เลือดไก่ต้มซุปหม่าล่า, Fried Mushroom เห็ดเข็มทองชุบแป้งทอดสไตล์ไต้หวัน, Fried Egg ไข่ดาวน้ำมันงาสไตล์ไต้หวัน และ Fired Pork Belly หมูสามชั้นทอดสไตล์ไต้หวัน
เนื้อ
สำหรับลูกค้าที่ต้องการหม้อไฟแบบเซ็ต ขั้นตอนแรกคือการเลือกเนื้อวัวและเนื้อหมูตามที่ต้องการ ราคาเซ็ตจะขึ้นอยู่กับเนื้อที่เลือก โดยสามารถเลือกได้เซ็ตละ 1 อย่างค่ะ หากลูกค้าต้องการเมนูเนื้อสัตว์เพิ่ม สามารถสั่งได้ในราคา A La Carte
Shimabara F1 Wagyu Striploin เนื้อวากิวสันนอก เมืองชิมาบาระ (Set 940 บาท/ A La Carte 790 บาท)
เนื้อวัวพรีเมี่ยมจากเมืองชิมาบาระ ประเทศญี่ปุ่น โดยทางร้านเสิร์ฟจะมาเป็นเนื้อสไลซ์บางขนาดใหญ่ เสิร์ฟพาดบนแท่นไม้มาพร้อมน้ำแข็งแห้ง ตอนแรกที่มาเสิร์ฟจึงมาพร้อมควัน เหมาะสำหรับสายถ่ายรูปเลยค่ะ
Aus Wagyu Outside Flat เนื้อวากิว ออสเตรเลีย (Set 550 บาท/ A La Carte 400 บาท)
เมนูขายดีของทางร้าน เป็นเนื้อมันแทรกลายสวยนำเข้าจากออสเตรเลีย สำหรับเมนูนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อแบบมีไขมันแทรกพอประมาณให้พอมีรสชาติ
Aus Oyster Blade เนื้อใบพาย ออสเตรเลีย (Set 500 บาท/ A La Carte 350 บาท)
เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียอีกเมนูค่ะ เป็นเมนูยอดนิยมเช่นเดียวกัน ตัวเนื้อจะมีมันแทรกกำลังดี แต่จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเนื้อส่วนๆ อื่นของร้าน
Tontoro Pork Neck เนื้อหมูทงโทโร่ (Set 440 บาท/ A La Carte 290 บาท)
เนื้อหมูที่มาพร้อมลายไขมันแทรกสวย ในส่วนของเนื้อหมูทางร้านจะเลือกใช้จากฟาร์มที่เลี้ยงแบบปล่อยจากจ. เชียงใหม่เท่านั้น เพราะการเลี้ยงในลักษณะนี้จะทำให้เนื้อหมูมีคุณภาพที่ดีกว่าเนื้อหมูทั่วไปค่ะ
Pork Belly เนื้อหมูส่วนท้อง (Set 370 บาท/ A La Carte 220 บาท)
เมนูนี้สำหรับคนที่ชอบทานเนื้อมีไขมันจำนวนมาก เมื่อทานเข้าไปแล้วจะสัมผัสได้ความนุ่มและเด้งของตัวเนื้อหมูและไขมันควบคู่กันเลยค่ะ
Pork Loin เนื้อหมูสันนอก (Set 350 บาท/ A La Carte 200 บาท)
เมนูสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะเนื้อหมูเมนูนี้ไขมันน้อยกว่าเมนูอื่นๆ ค่ะ
น้ำซุป
ขั้นตอนต่อมาคือการเลือกน้ำซุป โดยทางร้านจะเลือกใช้น้ำซุปสูตรจากไต้หวันแท้ๆ ทั้งหมด 4 ซุป โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนรสชาติ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงเครื่องเทศของไต้หวันอย่างแท้จริง และยังคงขั้นตอนการปรุงน้ำซุปไต้หวันแบบดั้งเดิมอีกด้วย เริ่มจากการนำเครื่องเทศลงไปผัดในหม้อ ให้สุกกำลังดีจนเริ่มมีกลิ่นหอมเครื่องเทศ จากนั้นเทน้ำซุปลงหม้อ วิธีการปรุงในลักษณะนี้จะทำให้น้ำซุปมีกลิ่นหอมเครื่องเทศกว่าน้ำซุปทั่วไปค่ะ
โดยหม้อน้ำซุปของแต่ละคนจะเป็นหม้อส่วนตัว จึงสามารถเลือกทานน้ำซุปได้ตามต้องการ รวมไปถึงลูกค้าสามารถเพิ่มน้ำซุปและหม้อได้ไม่จำกัดอีกด้วย
ในขั้นตอนการผัดเครื่องเทศพนักงานจะมีบริการผัดให้ แต่ถ้าหากใครต้องการผัดด้วยตนเอง สามารถแจ้งพนักงานได้ค่ะ
Classic (Set -/ A La Carte 150 บาท)
ซุปกระดูกหมูรสชาติต้นตำรับจากไต้หวัน นำมาคลุกเคล้ากับต้นหอมและกระเทียม จัดเป็นน้ำซุปยอดนิยมของทางร้านเลยค่ะ (สำหรับซุปนี้ ถ้าทานเป็นเซ็ตจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
Spicy Mala (Set +50 บาท/ A La Carte 200 บาท)
ซุปหม่าล่าสูตรไต้หวันแบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติจัดจ้าน เมื่อทานเข้าไปแล้วจะได้กลิ่นหอมของพริกแห้งที่ผัดในตอนแรกค่ะ
Monglian Herbal (Set +80บาท/ A La Carte 230 บาท)
ซุปไก่รสชาติกลมกล่อมอุดมไปด้วยสมุนไพรจีนถึง 8 ชนิด
Sesame & Beer (Set +80บาท/ A La Carte 230 บาท)
สำหรับเมนูนี้จะเริ่มจากนำขิงที่เป็นเครื่องเทศผัดลงไปในหม้อ จากนั้นราดน้ำซุปไก่ผสมน้ำมันงา และตามด้วยเบียร์ลงเป็นอันดับสุดท้าย ด้วยส่วนผสมที่แตกต่างทำให้น้ำซุปชนิดนี้มีรสชาติและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านโดยเฉพาะเลยค่ะ
เครื่องเคียง
ขั้นตอนที่ 3 คือการเลือกเครื่องเคียง โดยมีให้เลือกทั้งข้าวสวย ข้าวสวยราดหมูซีอิ๊ว และเส้นบะหมี่สำหรับคนชอบทานเส้นค่ะ
Minced Pork Rice ข้าวสวยราดหมูซีอิ๊ว (Set +20 บาท/ A La Carte 30 บาท)
ข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมหมูสับละเอียดผัดซีอิ๊วแบบชุ่มฉ่ำ
Taiwanese-Stlye Somen เส้นโซเม็งลวกสไตล์ไต้หวัน (Set +70 บาท/ A La Carte 80 บาท)
เส้นบะหมี่ที่นำมาปรุงในสไตล์ไต้หวัน โดยคลุกเคล้ากับกระเทียม หัวหอม และน้ำมันงา
(จากซ้าย) เส้นโซเม็งลวกสไตล์ไต้หวัน, หมูสามชั้นทอดสไตล์ไต้หวัน
อาหารทานเล่น
ถัดมาคือการเลือกของทางเล่น โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 เมนูแล้วแต่ความชอบ ซึ่งแต่ละเมนูจะเป็นของทานเล่นที่ไว้ทานคู่กับหม้อไฟสไตล์ไต้หวันแบบดั้งเดิม
Spicy Chicken Blood เลือดไก่ต้มซุปหม่าล่า (Set +70 บาท/ A La Carte 80 บาท)
เลือดไก่ที่นำลงไปต้มในซุปหม่าล่า ทำให้ได้รสชาติเผ็ดจัดจ้านในแต่ละชิ้น นิยมนำมาทานคู่กับซุปหม่าล่าค่ะ
Fried Mushroom เห็ดเข็มทองชุบแป้งทอดสไตล์ไต้หวัน (Set +20 บาท/ A La Carte 30 บาท)
ทางร้านจะนำเห็ดเข็มทองมาทอดกรอบช่วยเพิ่มรสชาติ เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมของทางร้านเลยค่ะ
Fried Egg ไข่ดาวสไตล์ไต้หวัน (Set +20 บาท/ A La Carte 30 บาท)
ไข่ดาวที่ทอดด้วยน้ำมันงา ทานคู่กับน้ำซุป Sesame & Beer ซึ่งเป็นวิธีการทานหม้อไฟแบบดั้งเดิมจากไต้หวันค่ะ
Fried Pork Belly หมูสามชั้นทอดสไตล์ไต้หวัน (Set +70/ A La Carte 80 บาท)
เมนูยอดนิยมอีกเมนูหนึ่งของร้าน ทางร้านจะนำหมูแต่ละชิ้นจะนำมาชุบแป้งและทอดในน้ำมันงา จนกรอบเหลืองน่ารับประทาน
(จากซ้าย) หมูสามชั้นทอดสไตล์ไต้หวัน, เส้นโซเม็งลวกสไตล์ไต้หวัน
ชุดผักรวม
เมื่อลูกค้าสั่งอาหารเป็นเซ็ตแล้วจะได้ผักรวมชุดใหญ่ที่มีครบในการทานหม้อไฟมาแล้ว 1 ชุดค่ะ แต่หากใครต้องการสั่งเพิ่มก็สามารถสั่งได้ในหมวด A La Carte
น้ำจิ้ม
น้ำจิ้มทางร้านรับสูตรมาจากไต้หวันโดยตรงและไม่ปรับเปลี่ยนสูตรแต่อย่างใด เพื่อให้ลูกค้าได้รับรสชาติการทานหม้อไฟแบบไต้หวันแท้ๆ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบคือ Sweet Soy Sauce ซอสคลาสสิค หรือซอสต้นตำรับ รสชาติจะเน้นเค็มและหวานกำลังดี ทานง่ายเข้าได้กับทุกเมนู, Spicy Soy Sauce ซอสเผ็ด สูตรน้ำจิ้มที่ปรับเปลี่ยนมาจากตัวคลาสสิค สูตรนี้จะเป็นน้ำจิ้มชนิดเดียวที่ปรับสูตรให้เข้ากับคนไทยที่ชอบรสชาติจัดจ้านโดยเฉพาะ, Five Flavors Sauce ซอสห้ารส สูตรจากไต้หวันที่ทำให้ได้รสชาติครบทุกรสชาติ ตั้งแต่เค็ม หวานและเผ็ด และ Fruits Sauce ซอสผลไม้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานหวาน เพราะรสชาติจะค่อนไปทางหวานและเผ็ดบางๆ ค่ะ หากลูกค้าท่านไหนที่ต้องการปรุงรสชาติน้ำจิ้มเพิ่มเติม ทางร้านจะมีบริการ พริก กระเทียมและน้ำมะนาวให้ค่ะ
(จากบน) ซอสเผ็ด, ซอสผลไม้, ซอสห้ารส, ซอสคลาสสิค
เครื่องดื่มและของหวาน
Pineapple Sorbet ไอศกรีมซอร์เบทสัปปะรด (Set)
ทางร้านมีของหวานเป็นไอศกรีมซอร์เบทรสสัปปะรด ซึ่งจะเสิร์ฟลูกค้า 1 ท่าน/ 1 ถ้วย โดยเมนูของหวานจะรวมมาในอาหารแบบเซ็ตเท่านั้น
Soy Milk Tea น้ำชานมถั่วเหลือง (60 บาท)
เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ชาสูตรพิเศษที่นำมาผสมกับนมถั่วเหลือง ซึ่งได้สูตรจากไต้หวันโดยตรง ตามปกติแล้วทางร้านจะเสิร์ฟแบบแช่เย็น แต่ไม่มีน้ำแข็งตามแบบฉบับของไต้หวัน แต่ถ้าหากใครต้องการน้ำแข็งเพิ่มสามารถแจ้งทางร้านได้ค่ะ
Tea น้ำชา (Refill 60 บาท)
เครื่องดื่มน้ำชาแบบออรินิจอล รีฟิลในราคา 60 บาทเท่านั้นค่ะ
(จากซ้าย) น้ำชา, น้ำชานมถั่วเหลือง, ไอศกรีมซอร์เบทสัปปะรด
สรุปรสชาติอาหาร
Classic (Set -/ A La Carte 150 บาท) : น้ำซุปรสชาติต้นตำรับ รสชาติกลมกล่อม เมื่อทานแล้วจะได้ความหอมของเครื่องเทศอย่างกระเทียมและหัวหอมอย่างชัดเจน
Monglian Herbal (Set +80บาท/ A La Carte 230 บาท) : รสชาติของสมุนไพรค่อนข้างชัดเจน มีความเผ็ดร้อนตามแบบฉบับสมุนไพร แต่อาจจะเผ็ดร้อนมากเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบน้ำซุปที่มีรสชาติจัด
Spicy Mala (Set +50 บาท/ A La Carte 200 บาท) : อีกหนึ่งน้ำซุปต้นต้นตำรับจากไต้หวันที่อยากแนะนำ เป็นน้ำซุปที่มีความเผ็ดกำลังดีและชาตามสไตล์ของหม่าล่า แต่ไม่เผ็ดมากเกินไป คนไม่ทานไม่เผ็ดยังสามารถทานได้ค่ะ
Sesame & Beer (Set +80บาท/ A La Carte 230 บาท) : น้ำซุปมีรสชาติเผ็ดร้อนจากขิง และเมื่อทานในช่วงแรกจะได้กลิ่นหอมและรสชาติของเบียร์ชัดเจน แต่เมื่อต้มไปนานๆ กลิ่นหอมของเบียร์อาจจะอ่อนลงไปบ้าง คงเหลือไว้แต่ความเผ็ดร้อนจากขิงค่ะ
Shimabara F1 Wagyu Striploin เนื้อวากิวสันนอก เมืองชิมาบาระ (Set 940 บาท/ A La Carte 790 บาท) : แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่ สไลซ์มาบางกำลังดี เนื้อจึงมีความนุ่มและไม่เหนียวถึงแม้จะต้มไว้นาน แนะนำสำหรับลูกค้าที่ต้องการเนื้อพรีเมี่ยมและเหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อที่มีไขมัน เพราะมีไขมันแทรกทั้งชิ้นเลยค่ะ
Aus Wagyu Outside Flat เนื้อวากิว ออสเตรเลีย (Set 550 บาท/ A La Carte 400 บาท) : แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อและไขมันในระดับปานกลาง ในแต่ละชิ้นได้รสชาติของเนื้อวัวแบบเต็มคำ แต่จะสไลซ์มาหนานิดนึง แนะนำให้ต้มสุกพอประมาณ จะได้ไม่เหนียวเกินไปค่ะ
Aus Oyster Blade เนื้อใบพาย ออสเตรเลีย (Set 500 บาท/ A La Carte 350 บาท) : เมนูนี้สไลซ์มาหนาเป็นพิเศษ แต่ด้วยขนาดชิ้นที่กำลังพอดีคำ ไม่ใหญ่มากเกินไป จึงทำให้ทานง่าย เนื้อชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานไขมันเท่าไหร่นัก เพราะแต่ละชิ้นนั้นมีไขมันแทรกในปริมาณน้อย
Tontoro Pork Neck เนื้อหมูทงโทโร่ (Set 440 บาท/ A La Carte 290 บาท) : เนื้อมีความหนึบและนุ่มเป็นอย่างมาก และมีไขมันแทรกกำลังดีเลยค่ะ
Pork Belly เนื้อหมูส่วนท้อง (Set 370 บาท/ A La Carte 220 บาท) : เป็นส่วนที่มีไขมันเยอะ เมื่อทานเข้าไปแล้วจะสัมผัสได้ความนุ่มและเด้งของตัวเนื้อหมูและไขมันควบคู่กัน
Pork Loin เนื้อหมูสันนอก (Set 350 บาท/ A La Carte 200 บาท) : เมนูสำหรับคนรักสุขภาพ เป็นส่วนที่ไม่มีไขมันแทรก จึงทำให้ได้รสชาติของเนื้อแดงเต็มคำ
Minced Pork Rice ข้าวสวยราดหมูซีอิ๊ว (Set +20 บาท/ A La Carte 30 บาท) : รสชาติออกเค็มกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมข้าว แต่เมื่อทานคู่กับข้าวแล้วรสชาติอาจจะอ่อนไปนิดนึงค่ะ
Taiwanese-Stlye Somen (Set +70 บาท/ A La Carte 80 บาท) : เส้นมีความนุ่ม เมื่อทานเข้าไปแล้วจะได้กลิ่นหอมของน้ำมันงาที่ทางร้านใช้หมัก
Spicy Chicken Blood เลือดไก่ต้มซุปหม่าล่า (Set +70 บาท/ A La Carte 80 บาท) : อีกหนึ่งเมนูแนะนำของทางร้าน เลือดไก่แต่ละชิ้นต้มมาสุกกำลังดี เนื้อแน่นแต่ไม่แข็งและไม่มีกลิ่นคาว อีกทั้งยังได้รสชาติเผ็ดจัดจ้านของซุปหม่าล่าช่วยตัดเลี่ยนได้ดีเลยค่ะ
Fried Pork Belly หมูสามชั้นทอดสไตล์ไต้หวัน (Set +70/ A La Carte 80 บาท) : รสชาติจะออกเค็มนิดนึงกำลังดี มีความกรอบนอกนุ่มใน ถึงแม้จะตั้งไว้นานก็ยังคงความกรอบได้ดี
Fired Mushroom เห็ดเข็มทองชุบแป้งทอดสไตล์ไต้หวัน (Set +20 บาท/ A La Carte 30 บาท) : สำหรับใครที่ชอบทานผักขอแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ ทางร้านทอดได้กรอบ ถึงแม้จะตั้งไว้เป็นเวลานานก็ยังคงความกรอบได้ดี มีความหอมพริกไทยดำ ตัวแป้งไม่กลบรสชาติเห็ด จึงยังคงได้รสชาติหวานของเห็ดเข็มทอง
Sweet Soy Sauce ซอสคลาสสิค : น้ำจิ้มต้นตำรับ รสชาติจะออกเค็มตามสไตล์ไต้หวัน แต่เข้ากันได้ดีกับทุกเมนูค่ะ
Spicy Soy Sauce ซอสเผ็ด : น้ำจิ้มชนิดเดียวกับคลาสสิค แต่ทางร้านปรับสูตรให้มีรสชาติจัดจ้านมากขึ้น รสชาติจึงมีทั้งความเค็มและเผ็ดค่ะ
Five Flavors Sauce ซอส 5 รส : รสชาติกำลังดีพอดี ไม่เค็มและไม่หวานจนเกินไป
Fruits Sauce ซอสผลไม้ : แนะนำสำหรับคนที่อยากจะลิ้มลองรสชาติตามสูตรต้นตำรับของไต้หวัน ในส่วนรสชาติจะค่อนไปทางหวานและเผ็ดบางๆ ช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารได้เป็นอย่างดี
Pineapple Sorbet ไอศกรีมซอร์เบทสัปปะรด : ไอศกรีมเกล็ดน้ำแข็งปั่นละเอียด เมื่อทานเข้าไปแล้วจะรสชาติเปรี้ยวของสัปปะรดอย่างชัดเจน คนที่ชื่นชอบผลไม้น่าจะประทับใจค่ะ
Soy Milk Tea น้ำชานมถั่วเหลือง (60 บาท) : มีกลิ่นนมถั่วเหลืองเข้มข้นและมีรสชาติหวานกำลังดี เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบหวาน แต่รสชาติอาจจะอ่อนไปสำหรับที่ชอบทานหวานมากค่ะ
การประเมิน และให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.2 |
บรรยากาศ |
4.1 |
การบริการ |
4.1 |
ความคุ้มค่า |
4.1 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.125 |
จุดเด่นของร้าน HANJI
1. เมนูของทางร้านยังคงรสชาติต้นตำรับจากประเทศไต้หวัน โดยเฉพาะเมนูน้ำซุปทั้ง 4 ซุป ทำให้ลูกค้าที่มารับประทานจะได้ทานเมนูหม้อไฟสไตล์ไต้หวันแบบดั้งเดิมค่ะ
2. ทางร้านมีการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างพิถีพิถันและเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพดี เช่น เนื้อวัวพรีเมี่ยมน้ำเข้าจากต่างประเทศและเนื้อหมูที่เลี้ยงจากฟาร์มแบบปล่อย ทำให้เนื้้อหมูมีคุณภาพดีกว่าเนื้อหมูโดยทั่วไป
3. ชาบูของทางร้านจะเป็นหม้อส่วนตัว ทำให้ลูกค้าแต่ละคนสามารถเลือกทานน้ำซุปได้ตามต้องการ และนอกจากนี้ลูกค้าแต่ละท่านยังสามารถเลือกน้ำซุปอื่นๆ และเพิ่มหม้อได้ไม่จำกัดอีกด้วย (ราคา A La Carte)
4. มีบริการรับจอดรถ (Valet Parking) สำหรับลูกค้าที่นำรถยนต์ส่วนตัวมา
5. บรรยากาศภายในร้านดูโล่งโปร่ง เหมาะสำหรับการรับประทานทานอาหาร อีกทั้งการตกแต่งภายในร้านยังผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหมู่บ้าน Erkan Historic Village จากประเทศไต้หวัน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการทานหม้อไฟสไตล์ไต้หวันแบบดั้งเดิมค่ะ
ข้อมูลอื่นและข้อเสนอแนะ
1. ราคาอาหารทั้งหมดในเมนูยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (VAT) และค่าบริการ 10% (Service Charge)
2. ของหวานของทางร้านมีให้เลือกไม่หลากหลายเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีเพียงเมนูเดียว คือไอศกรีมซอร์เบทสัปปะรด ซึ่งอาจจะทำให้มีตัวเลือกน้อยไปสำหรับลูกค้าบางท่านค่ะ
3. การเดินทางอาจจะไม่สะดวกสำหรับคนที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ เพราะร้านตั้งอยู่ในซอยและห่างจากถนนใหญ่พอสมควรค่ะ
4. หากลูกค้าต้องการมาทานอาหารที่ร้าน โดยเฉพาะในวันศุกร์-วันอาทิตย์ แนะนำให้จองล่วงหน้า โดยสามารถติดต่อจองคิวได้ทางโทรศัพท์และแฟนเพจ
HANJI พร้อมบริการในทุกวันกับน้ำซุปสูตรต้นตำรับราวกับอยู่ไต้หวันแท้ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการปรุงน้ำซุป และเมนูอาหารอย่างเนื้อวัว เนื้อหมูพรีเมี่ยม พร้อมด้วยบรรยากาศบ้านสบายๆ สไตล์ไต้หวัน หากใครที่อ่านแล้วหลงรักกับคุณสมบัติของร้าน HANJI ดังนี้แล้ว ไม่ควรพลาดที่จะแวะเวียนไปลิ้มลองร้านใจกลางเมืองย่านทองหล่อแห่งนี้ค่ะ