[รีวิว]ร้าน Bitter Deck @Sala Arun นั่งรับลมเย็นๆ กับวิวสวยๆริมแม่น้ำเจ้าพระยา
บรรยากาศดีแสนโรแมนติกพร้อมกับรสชาติอาหารที่ถูกปาก ผสมคละเคล้าละมุนละไมจนน่าหลงใหลเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ใบไผ่และทีมงานอาหย่อยรีวิวต้องเข้าไปสัมผัสและลิ้มลอง ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะมาแนะนำร้านอาหารวิวขั้นเทพที่ใครได้ไปต้องติดใจและหลงใหลในบรรยากาศอันสวยงามไม่ว่าจะเป็นตอนใกล้ค่ำหรือยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟที่สวยงามค่ะ ร้านที่ว่านี้มีชื่อว่าร้าน Bitter Deck ของโรงแรมศาลาอรุณ ซึ่งเป็นร้านเล็กๆแต่น่ารักได้ใจมาก เหมาะอย่างยิ่งที่จะจูงมือคนพิเศษหรือคนรู้ใจมาดินเนอร์ใต้แสงไฟนะคะ ครั้งนี้ใบไผ่และทีมงานอะหย่อยรีวิวจึงขออาสามาชิมมาลอง แล้วมาเล่าสู่กันฟังให้เพื่อนๆได้รู้จักและถือเป็นอีกหนึ่งร้านในใจที่เพื่อนๆจะสามารถพาคนรักไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนพิเศษ หรือเพื่อนที่รู้ใจได้มาแฮงเอ้าท์กันในสถานที่ดีๆ ได้พูดคุยกันอย่างออกรส ทานอาหารอร่อยและอิ่มเอมกับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เหมือนมีมนต์สะกดให้เราต้องหลงใหลค่ะ
การเดินทาง
ร้าน Bitter Deck ตั้งอยู่บนถนนมหาราชตรงข้ามกับวัดโพธิ์ หากขับรถมาสามารถใช้ Google Map เสิชค้นหาชื่อร้านมาได้ค่ะ สามารถจอดรถได้ในซอยข้างๆกับวัดโพธิ์ ซึ่งร้าน Bitter Deck จะต้องเดินเข้าไปในซอยท่าเตียนมหาราช ซอยเล็กๆ ที่อยู่ตรงข้ามวัดโพธิ์ก็จะเจอกับโรงแรมศาลาอรุณซึ่งเป็นโรงแรมบูติกเล็กๆแต่เก๋ไก๋ตกแต่งอย่างน่ารัก ซึ่งร้าน Bitter Deck ก็ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมแห่งนี้
SPONSORED
- ร้าน Bitter Deck โรงแรม ศาลาอรุณ (Sala Arun) ตั้งอยู่ในซอยท่าเตียนมหาราช 47-49 ถนนพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
- Facebook : www.facebook.com/salaarun
- เบอร์โทร 02 622 2932,02 622 2933
- เวลาทำการ 17:00-22:00 น. และบาร์ชั้นลอยเปิดบริการถึงเที่ยงคืน
สามารถจอดรถได้ในซอยข้างๆกับวัดโพธิ์ค่ะ
โรงแรมที่เปิดไฟออกแนวโทนส้มนั่นแหละค่ะเป้าหมายของเรา เดินเข้าไปกันเลย
แล้วเราก็จะเจอกับโรงแรมศาลาอรุณ ซึ่งร้าน Bitter Deck อยู่ในนี้นะคะ
บรรยากาศของร้านอาหาร
เมื่อเราเดินเข้ามาในซอยแล้วเราก็จะเจอกับโรงแรมศาลาอรุณ เพื่อนๆ สามารถเดินเข้าไปภายในโรงแรมได้เลยนะคะ ซึ่งจะมีพนักงานมาต้อนรับและพาไปยังโซนร้านอาหาร โดยที่นั่งรับประทานอาหารก็จะแบ่งเป็น 2 โซนคือ ภายในอาคารจัดเป็นโต๊ะรับประทานอาหารให้บรรยากาศแบบน่ารักอบอุ่นเป็นกันเองให้ความรู้สึกแบบสบายๆ และอีกโซนจะเป็น Terrace ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบชิลล์ๆรับลมเย็นๆและมองเห็นวิวสวยๆสุดโรแมนติกของคุ้งน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ นอกจากนี้ยังเห็นสามารถมองเห็นสถาปัตยกรรมของวัดอรุณที่วิจิตรสวยงามชวนหลงใหล และน่าประทับใจมากๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ให้ความโรแมนติกกับแขกหรือลูกค้าที่มารับประทานอาหารที่ร้านได้เป็นอย่างดี ทำให้มื้ออาหารมื้อนี้นอกจากจะอิ่มอร่อยกับรสชาติอาหารแล้วยังอิ่มเอมกับบรรยากาศที่ได้รับกลับบ้านไปด้วยค่ะ นอกจากนี้หากรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็สามารถที่จะชวนกันไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ชมวิวสวยรับอากาศเย็นๆ ยามค่ำคืนต่อได้ที่ชั้นลอยหรือบาร์ด้านบนของโรงแรมได้อีกด้วยนะคะ ซึ่ง Terrace ข้างล่างที่ว่าสวยงาม บรรยากาศด้านบนชั้นลอยก็ดีไม่แพ้กันเลยค่ะ
มีจุดบริการให้ใช้คอมพิวเตอร์ด้วยนะคะ จัดได้น่ารักสวยงามเก๋ๆดีค่ะ
โซนแรกที่เจอก็คือ ห้องอาหารที่อยู่ภายในอาคารซึ่งจะมีที่นั่งจัดเป็นกรุ๊ปให้ลูกค้าได้เลือกนั่งทั้งแบบเป็นกลุ่มใหญ่ มุมโซฟา หรือมา 2-4 ท่านค่ะ สีของผนังจะออกแนวโทนสว่างทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นเป็นกันเองและยังเพิ่มลูกเล่นความน่ารักด้วยกรอบรูปและเครื่องชามเซรามิกสีสันสดใสที่มองดูแล้วรู้สึกสบายตา
การเลือกสีต่างๆของเครื่องจานชามที่ใช้หรือของตกแต่งภายในร้านก็เป็นสีที่มองแล้วสบายตาแต่สดใสด้วยรูปภาพข้างผนังหรือดอกไม้สีสวยสดที่ใช้ประดับตกแต่ง นอกจากนี้ก็ยังประดับโคมไฟเก๋ๆ ห้อยลงมาอีกด้วยค่ะ
ภาพที่ใช้ตกแต่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพข้าวข้องเครื่องใช้ของคนไทยอย่างถ้วยชามเครื่องแก้วลายครามต่างๆ ของไทย หรือภาพวิถีชีวิตที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย มีความสวยงามแต่กิ๋บเก๋ไม่ดูเชยเลยนะคะ
และอีกโซนที่เป็นTerrace มองเห็นวิวสวยของแม่น้ำเจ้าพระยาและวัดอรุณซึ่งให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติกจริงๆค่ะ
บรรยากาศของที่ร้านอาหารบอกเลยว่าดีมากๆเลยค่ะ สายน้ำเจ้าพระยาชวนทำให้เราหลงใหลได้จริงๆ
และนี่คือบันไดทางขึ้นที่จะไปยังชั้นลอยหรือบาร์ของทางโรงแรม มีบันไดวนด้วยนะ เก๋อีกแล้วค่ะ
เห็นไหมคะ ว่าบรรยากาศด้านบนก็สวยไม่แพ้กัน ดีงามได้ใจสุดๆกันไปเลย
เมนูอาหารของทางร้าน
อาหารของร้าน Bitter Deck เป็นอาหารไทยผสมผสานกับอาหารนานาชาติ ทั้งฝรั่งเศสหรืออิตาเลียน เป็นต้น สำหรับรสชาติอาหารนั้นก็จะเป็นรสชาติที่แขกต่างชาติน่าจะถูกปากและถูกใจกันค่ะ อย่างรสชาติของอาหารไทยก็จะเป็นรสกลมกล่อมอร่อยอย่างลงตัวแบบพอดี ไม่เผ็ดจัดจ้านแบบต้นฉบับมากนัก คงเป็นเพราะแขกที่มาพักที่ส่วนใหญ่ล้วนต่างเป็นชาติต่างชาตินั่นเอง ซึ่งการมาทานอาหารในครั้งนี้ใบไผ่ก็ไม่มีแพลนใดๆ ว่าเราจะต้องทานอะไรบ้างหรือทานอะไรเป็นพิเศษ จึงลองดูเมนูและลองสั่งมาทานตามใจอยากอย่างเดียวเลยค่ะ และนอกจากนี้เครื่องดื่มต่างๆของทางร้านก็มีในเมนูให้เราได้เลือกอย่างหลากหลาย เยอะมากจนไม่รู้จะลองอะไรเลยเพราะรู้สึกว่าน่าทานไปหมด แต่ในที่สุดเมนูเราก็ได้เลือกเมนูอร่อยของเราในวันนี้นั่นก็ได้แก่ หอยนางรมทรงเครื่อง (Oyster sweetchili) ต้มยำกุ้งแม่น้ำน้ำข้น ( River Prawn soup) แกงเผ็ดเนื้อ (Beet in red curry) ไส้กรอกรวม (Mixed sausage) และปิดท้ายความอร่อยด้วยของหวานสุดพิเศษหวานหอมได้ใจไปเต็มๆกับมิลเฟ่ย (Millefeuille) ส่วนเครื่องดื่มก็คือ Hoegaarden original และ Cherry bossom มาเพิ่มความฟินให้กับรสชาติและบรรยากาศการรับประทานอาหารในครั้งนี้ให้พิเศษและอร่อยออกรสออกชาติมากขึ้น
ต้มยำกุ้งแม่น้ำน้ำข้น ( River Prawn soup) ราคา 270 บาท
ความรู้สึกต่อต้มยำกุ้งแม่น้ำน้ำข้น ( River Prawn soup) : สำหรับเมนูต้มยำกุ้งแม่น้ำน้ำข้นชามนี้นั้นสีสันหน้าตาของอาหารมีสีสันสวยงามน่ารับประทานดี สีของน้ำซุปหรือน้ำต้มยำน้ำข้นมีความละเมียดกลืนกันดีไม่แดงฉูดฉาดจนเกินไปซึ่งคงเป็นความตั้งใจของทางร้านที่อยากทำออกมาไม่ให้รู้สึกถึงความเผ็ดจัดจ้านตามแบบฉบับมากจนเกินไป แต่อยากให้มีความอินเตอร์หรือสมัยใหม่มากขึ้น เรื่องของรสชาติก็บอกเลยว่าน่าจะถูกใจชาวต่างชาติตามหน้าตาของอาหารที่สื่อออกมาจริงๆ ซึ่งรสชาตินั่นจะแตกต่างจากรสชาติต้มยำของแท้ตามแบบฉบับคนไทยต้นตำรับที่จะเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวานเข้นข้นถึงใจ แต่ของที่ร้านจะมีความกลมกล่อมของรสชาติต่างๆของรสต้มยำ มีความละมุนเข้ากันดี ถือว่าอร่อยไปอีกแบบซึ่งมีความสมัยใหม่ รสชาติเข้าถึงได้ง่ายกับน่าจะถูกปากของชาวต่างชาติอย่างยิ่งค่ะ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ถือว่ามีคุณภาพเพราะกุ้งแม่น้ำตัวโต เนื้อแน่น รสชาติหวานมีความสดดี ทานคู่กับน้ำต้มยำกลมกล่อมยิ่งช่วยชูรสชาติของเนื้อกุ้งให้หอมหวานยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ ชามนี้ไม่ต้องติดไฟแดงให้ไฟเขียวผ่านเลยค่ะ โอเคเลย
แกงมัสหมั่นเนื้อ (Beet in red curry) 280 บาท
ความรู้สึกต่อแกงมัสหมั่นเนื้อ (Beet in red curry) : เมนูแกงมัสหมั่นเนื้อสีสันหน้าตาน่ารับประทานอีกแล้วค่ะ ชอบตรงเนื้อและสีของน้ำแกงที่ดูมีความกลืนกันละเมียดสีสวยและดูเข้มข้นทำให้น้ำลายสอ อยากจะตักซดชิมน้ำแกงให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยถือว่าหน้าตาเป็นอาวุธดึงดูดใจมากๆ เมื่อได้ลองชิมน้ำแกงแล้วถือว่ารสชาติกลมกล่อมดีมีความเข้มข้นจริงๆ นอกจากนี้ยังมีความหอมหวานมันจากกะทิและเครื่องแกงทำให้รสชาติมีความกลมกล่อมไม่เค็มหรือหวานจนเกินไป ส่วนเนื้อนั้นถือว่าดีงามมากเพราะเวลาดูในชามนั้นดูเป็นชิ้นเป็นอันไม่เละเลย มีความสวยงามน่าทาน และพอตักทานแล้วก็แทบละลายในปากไม่ต้องเคี้ยวให้เหนียววุ่นวายใจอีก ถือว่าสามผ่านอีกแล้วค่ะ เมนูนี้ต้องลองสั่งมาทานดูนะคะ
ไส้กรอกรวม (Mixed sausage) 290 บาท
หอมกลิ่นอบจากเทียนและเมื่อทานคู่กับน้ำจิ้มของทางร้านอร่อยเข้ากันแบบสุดๆ
ความรู้สึกต่อไส้กรอกรวม (Mixed sausage) : สำหรับเมนูนี้เป็นเมนูแนะนำที่พนักงานยินดีและเต็มใจที่จะเชิญชวนเราให้ลองสั่งมารับประทานค่ะเพราะว่าเป็นเมนูยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องสั่งทานเป็นเมนูไส้กรอกรวมมิตรที่จับผสมผสานไส้กรอกหลากหลายชนิดมารวมไว้ในจานเดียวให้ลูกค้าได้ทานกันอย่างหลากหลาย นอกจากนี้กรรมวิธีการก่อนทานก็มีความน่าสนใจคือ ทางร้านจะเสริฟมาไส้กรอกมาในจานใบใหญ่ที่มีไส้กรอกหลากหลายแบบเช่น ไส้กรอกลูกวัว ไส้กรอกอินตาเลี่ยน หรือไส้กรอกชีส เป็นต้น วางอยู่บนเห็ดย่างที่หอมชวนน่ารับประทาน และก่อนทานจะมีการอบเทียนและปิดฝาครอบไว้ให้ความหอมของเทียนแทรกซึมเข้าไปอยู่ในเนื้อของไส้กอรก ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้านที่มีให้เลือกถึงสี่แบบสี่สไตล์ และมีผักเป็นเครื่องเคียงทานคู่กันดีด้วย สำหรับเมนูนี้นั้นควรสั่งมาลองทาน เพราะไส้กรอกมีความหอมจากควันเทียนที่โพยพุ่งแทรกซึมในเนื้อไส้กรอกทำให้เวลาทานมันหอมและรสชาติของไส้กรอกก็อร่อยดี ทานคู่กับน้ำจิ้มก็ยิ่งอร่อย เหมาะมากๆที่ต้องเป็นห้ามพลาดนะคะ
หอยนางรมทรงเครื่อง (Oyster sweetchili) 280 บาท
ความรู้สึกต่อหอยนางรมทรงเครื่อง (Oyster sweetchili) : และเมนูอาหารคาวจากสุดท้ายของเราที่จะมาลองชิมกันก็คือเมนูนี้เมนูหอยนางรมทรงเครื่อง หากใครชอบรสชาติแบบเผ็ดแซ่บจานนี้ถือว่าตอบโจทย์ค่ะ รสชาติของน้ำซอสที่ปรุงรสและราดมาบนตัวหอยนางรมนั้นถือว่าเผ็ดเปรี้ยวกำลังดีและมีเครื่องเคียงที่โรยหน้าค่อนข้างเยอะดี ชอบค่ะ ทั้งพริกซอยหรือกระเทียมซอย นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอื่นๆอีก ส่วนเรื่องความสดของหอยถือกว่าโอเค แต่ยังแอบรู้สึกว่าไม่สดแบบสุดๆ เพราะในความรู้สึกส่วนตัวนั้นรู้สึกว่าเนื้อหอยนางรมหากสดแบบจริงๆ เนื้อจะต้องเต่งตึงและหวานได้มากกว่านี้ค่ะ แต่ก็ถือว่าโอเคนะคะ เพราะว่ายังใช้ได้ ไม่เละหรือคาวค่ะ
Cherry bossom 185 บาท
ความรู้สึกต่อ Cherry bossom : เมนูเครื่องดื่มที่สั่งรับประทานขอเลือกแก้วนี้ล่ะกันเพราะมีความเบาทานง่ายเหมาะสำหรับคุณผู้หญิงสั่งมาทานแบบเบาๆ เก๋ๆ ค่ะ รสชาติออกหวานหอมและไม่ขมจนเกินไปนะคะ อร่อยดีค่ะ
มิลเฟ่ย (Millefeuille) 220 บาท
ความรู้สึกต่อมิลเฟ่ย (Millefeuille) : และเมนูปิดท้ายความอร่อยของเราในวันนี้กับเมนูมิลเฟ่ยสตอเบอรี่สด ซึ่งถือว่าเป็นเมนูของหวานที่ต้องห้ามพลาดอีกแล้วนะคะ สำหรับเมนูนี้น้องพนักงานทางร้านแนะนำให้เราทานค่ะ แต่ก็ถูกใจจริงๆ ทั้งหน้าตาที่มีสีสันสดใสน่ารับประทานด้วยสีแดงของสตอเบอร์รี่สดตัดกับสีขาวของครีมและวิปปิ้งครีมที่มีความสวยงาม นอกจากนี้เรื่องของรสชาติยังอร่อยแบบหยุดไม่อยู่เพราะความหวานของครีมและสตอเบอรี่นั้นมีความตัดกันแบบลงตัว ไม่เลี่ยน แต่ทานแล้วรู้สึกชุ่มฉ่ำ และสดชื่น อร่อยมากค่ะ และตัวแป้งที่วางมาเป็นชั้นๆก็อร่อยเข้ากันกับเนื้อครีมมากๆ จัดว่าหากมาอีกก็ขอสั่งเมนูของหวานจานนี้อีกแน่นอน กลายเป็นเมนูถูกใจไปเลยค่ะ
SPONSORED
มาให้คะแนนกัน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.2 |
บรรยากาศ |
4.3 |
การบริการ |
4.5 |
ความคุ้มค่า |
3.9 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.2 |
คำแนะนำก่อนตัดสินใจไปร้านอาหาร
1. เป็นร้านอาหารที่ตกแต่งได้แบบเก๋ไก๋น่ารักและมีความชิคอยู่ในตัว
2. บรรยากาศของร้านดีงามมากเหมาะที่จะจูงมือคนพิเศษมาทานแบบสุดๆ
3. มีชั้นลอยหรือบาร์ให้ดูวิวของวัดอรุณ วัดโพธิ์ และมองเห็นวิวของท้องน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย
4. รสชาติอาหารถือว่าอร่อยใช้ได้เหมาะกับคนที่ไม่ชอบรสชาติจัดจ้านจนเกินไปหรือเหมาะกับชาวต่างชาติ
5. ราคาอาหารค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับราคาร้านอาหารทั่วไป และมีบวกค่า service charge ด้วย
6. เนื่องจากร้านอยู่ริมน้ำหากไปตอนกลางคืนจะมียุงเยอะพอสมควรแต่ทางร้านจะมียากันยุงไว้บริการ
ค่าอาหารทั้งหมด 2,201.74 บาท
เรื่องรสชาติอาหารถือว่าใช้ได้อร่อยในแบบฉบับที่รสชาติกลมกล่อมไม่จัดจ้าด เอาใจรสปากของชาวต่างชาติค่ะเพราะอย่างที่บอกแขกของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาติต่างชาติที่มาเที่ยวหรือมาพักผ่อนในเมืองไทย รสชาติอาหารจึงไม่เผ็ดจัดจ้านหรือเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดถึงพริกถึงขิง แต่จะมีความละเมียดครบรสกำลังอร่อยกำลังดี ส่วนวัตถุดิบที่ทางร้านใช้ก็ถือว่าสดและมีคุณภาพค่ะ ต่อมาเรื่องของบรรยากาศของร้านอาหาร Bitter Deck โรงแรมศาลาอรุณทำให้เราประทับใจมากๆ เพราะรู้สึกเหมือนได้หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองกรุงมาอยู่อีกโลกหนึ่งที่สงบ ชิลล์ ฟิลกู้ดแบบสุดๆ ได้นั่งดูวิวสวยๆของคุ้งน้ำเจ้าพระยา แสงไฟอันงดงามของวัดอรุณ บรรยากาศแสนโรแมนติกสุดจะบรรยากาศเลยค่ะ ส่วนเรื่องของราคานั้นรวมค่าเสียหายของมื้อนี้คือ2,201.74 บาท อาหารประมาณ 3-4 อย่างรวมของหวาน และเครื่องดื่มค่ะ โดยมีการบวกค่าบริการ service charge 10% และบวก Vat 7% ด้วย ราคาอาหารค่อนข้างสูงมากกว่าร้านอาหารทั่วๆ ไป แต่ก็อยู่ในเรทของโรงแรมซึ่งก็เข้าใจได้เพราะแลกกับวิวสวยบรรยากาศดีแบบนี้ ส่วนเรื่องของการบริการพนักงานดูแลค่อนข้างดี คอยแนะนำอาหาร วิธีการทานหรือหากสั่งอะไรเพิ่มเติมก็ได้ทันทีไม่ต้องรอนานค่ะ สำหรับความคุ้มค่าแล้วโดยรวมราคาอาหารอาจจะแพงไปหน่อย แต่แลกกับฟิลลิ่งบรรยากาศดีๆ แบบนี้บวกกับรสชาติอาหารที่อร่อยก็ถือว่ารับได้ค่ะ
เอาเป็นว่าหากเพื่อนๆอยากจะหาร้านบรรยากาศดีๆที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะพาคนพิเศษหรือคนรักมาทานมื้อค่ำแสนวิเศษ ได้ชมวิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ร้าน Bitter Deck ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่ารัก เก๋ไก๋ๆ มีสไตล์ และยังให้ความรู้สึกแบบอบอุ่นเป็นกันเองอีกด้วยนะคะ ลองมาสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ได้เชื่อว่าทุกคนจะชื่นชอบและหลงใหลกับเสน่ห์ของสายเจ้าพระยาและวิวสวยๆที่เบื้องหน้าที่เป็นวัดอรุณและด้านหลังเป็นวัดโพธิ์เป็นอะไรที่พิเศษสุดๆ และเหมือนมีมนต์ขลังมากๆค่ะ เย็นนี้หากใครยังไม่มีนัดหรือกำลังแพลนหาร้านทานอาหารอยู่ ร้านนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งร้านดีๆที่อยากแนะนำนะคะ เอาเป็นว่าขอรีวิวแบบหอมปากหอมคอเพียงเท่านี้จะน่าถูกใจเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ ใบไผ่และทีมงานก็ขอไปชมวิวสวยๆของแม่น้ำเจ้าพระยาต่อก่อนดีกว่า แล้วเจอกันใหม่ร้านหน้านะคะ สวัสดีค่ะ