รีวิว Café Kantary (เชียงใหม่) คาเฟ่นั่งชิลจิบกาแฟ พร้อมด้วยขนมเค้กและเบเกอรี่โฮมเมด @ถนนนิมมานเหมินท์
ในช่วงนี้ถ้าหากใครได้มีโอกาสไปเยือนลมหนาวถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้วมองหาคาเฟ่จิบกาแฟชิลๆ หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศหาที่นั่งพักผ่อนแบบเงียบสงบ Café Kantary (คาเฟ่ แคนทารี) ในเครือโรงแรม Cape & Kantary Hotels น่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ตอบโจทย์ สำหรับ Café Kantary สาขาเชียงใหม่นั้นเป็นคาเฟ่สาขาที่ 3 ซึ่งทางร้านบริการเสิร์ฟขนมเค้ก เบเกอรี่โฮมเมด และเครื่องดื่มนานาชนิดต่อลูกค้ามาแล้วกว่า 8 ปี เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่อยู่คู่ถนนนิมมานเหมินท์มาอย่างยาวนานเลยทีเดียว โดยร้านนั้นเปิดต้อนรับลูกค้ากันทุกวันตั้งแต่ 09.00-22.00 น. หากใครอยากจะนั่งชิลนั่งพักผ่อนเวลาไหนทางร้านก็พร้อมบริการค่ะ
การเดินทาง
Café Kantary ตั้งอยู่ภายในโครงการ Kantary Terrace ในซอยนิมมานเหมินท์ 12 บริเวณต้นซอย สำหรับลูกค้าที่เดินทางด้วยรถส่วนตัว สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง เส้นทางแรกคือ ขับมาจากฝั่งถนนสุเทพ จากนั้นให้ขับตรงมาที่ถนนนิมมานเหมินท์ประมาณ 700 เมตร ซอยนิมมานเหมินท์ 12 จะอยู่ทางซ้ายมือ เส้นทางที่สอง คือเลี้ยวซ้ายมาจากถนนห้วยแก้ว (แยกนิมมาน) เพื่อเข้าถนนนิมมานเหมินท์ จากนั้นขับตรงไปประมาณ 700 เมตร ซอยนิมมานเหมินท์ 12 จะอยู่ทางขวามือ เมื่อเจอซอยแล้วให้ตรงเข้าซอยประมาณ 40 เมตร จะเจอโครงการ Kantary Terrace อยู่ด้านขวามือ
สำหรับลูกค้าที่ต้องการจอดรถ สามารถเข้าไปจอดรถในพื้นที่ของโครงการได้เลยค่ะ โดยที่จอดรถของทางโครงการรองรับได้ประมาณ 20 คัน (3 ชั่วโมงแรกไม่มีค่าใช้จ่าย ชั่วโมงถัดไป ชั่วโมงละ 30 บาท) เมื่อจอดรถแล้วให้เดินย้อนมาด้านหน้า เพราะตัวคาเฟ่ตั้งอยู่ข้างหน้าโครงการ ติดกับถนนนิมมานเหมินท์ค่ะ
SPONSORED
บรรยากาศภายในร้าน
ตัวคาเฟ่จะตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความเรียบง่ายและความปลอดโปร่งของพื้นที่เป็นหลัก พื้นที่ส่วนใหญ่ของคาเฟ่จึงเป็นห้องกระจกเปิดโล่ง รับแสงธรรมชาติ นอกจากนี้ทางร้านเลือกใช้เพียงแค่สีขาว สีดำและสีเขียวของต้นไม้ในการตกแต่งร้าน ตัวร้านโดยรวมจึงมีความเรียบง่ายและความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับมานั่งพักผ่อน ชิลๆ ในวันหยุดค่ะ
พื้นที่ของทางร้านนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วนให้ลูกค้าได้เลือกนั่งคือ พื้นที่ในห้องปรับอากาศ, พื้นที่ด้านนอก Open-air และห้องไพรเวท โดยพื้นที่ทั้งร้านนั้นสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 100 คน สำหรับพื้นที่ในห้องปรับอากาศจะเป็นพื้นที่หลักของคาเฟ่ และเป็นส่วนที่มีตู้เค้กและเคาน์เตอร์รับออเดอร์ค่ะ
SPONSORED
ในส่วนของห้องไพรเวทจะเป็นห้องกระจกที่แยกออกมาจากส่วนอื่นๆ ของร้าน ซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 20 คน และสำหรับพื้นที่ด้านนอก จะเป็นส่วนด้านหน้าของคาเฟ่และติดกับถนนนิมมานเหมินท์ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ใกล้ชิดกับความเป็นธรรมชาติมากที่สุด เพราะทางร้านจะเน้นความเป็นสวนและร่มเงาของต้นไม้เป็นหลัก เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการนั่งพักผ่อนชิลๆ และต้องการความเงียบสงบ
เมนูและราคา
คาเฟ่แคนทารี สาขาเชียงใหม่นั้นพร้อมเสิร์ฟทั้งขนมหวานและเครื่องดื่ม ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมเจลาโต เครป เค้ก และโทสต์ ซึ่งแต่ละเมนูนั้นจะเน้นเป็นขนมหวานโฮมเมดทำวันต่อวัน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถปรับเมนูได้ตามชอบในส่วนของท็อปปิ้ง
คาเฟ่แคนทารี สาขานี้จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการขนมหวานโดยเฉพาะเลยค่ะ โดยลูกค้ามารถเดินมาเลือกดูเมนูและเลือกสั่งได้ที่เคาน์เตอร์ จากนัั้นพนักงานจะนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะค่ะ
ในวันนี้ Ryoii ได้เลือกทานเมนูแนะนำของทางคาเฟ่แคนทารี เชียงใหม่ ดังนี้ Banana Salted Caramel Black Toast (180 บาท), Kantary Chocolate Cake (105 บาท), Mixed Nut Pie (120 บาท), Mango Cheese Cake (120 บาท), Mango Float (130 บาท), Hot Chocolate (80 บาท) และ Ice Kantary Coffee (95 บาท)
Banana Salted Caramel Black Toast (180 บาท)
เมนูแรกเริ่มต้นกันด้วยเมนูซิกเนเจอร์และเมนูยอดนิยมของทางร้าน ทางร้านจะใช้ขนมปังที่มีส่วนผสมของชาร์โคล เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมเจลาโตวานิลลา วิปครีม และคาราเมลเพื่อให้ลูกค้าได้ปรับความหวานตามชอบ ในส่วนของไอศกรีมนั้นทางร้านจะใช้ไอศกรีมเจลาโตโฮมเมดและลูกค้าสามารถเลือกเปลี่ยนรสชาติได้ โดยสามารถเลือกดูรสชาติไอศกรีมได้จากตู้ไอศกรีมที่เคาน์เตอร์ และถ้าหากใครกลัวจะไม่อิ่มจุใจ ก็สามารถเพิ่มไอศกรีมได้ไม่อั้นในราคาสกูปละ 65 บาทค่ะ
Kantary Chocolate Cake (105 บาท)
สำหรับใครที่ชอบช็อกโกแลตแบบเข้มข้นต้องไม่พลาดกับขนมเค้กตัวนี้เลยค่ะ เพราะเมนูนี้จะเป็นขนมเค้กหน้านิ่มดาร์กช็อกโกแลต เมื่อทานแล้วจึงจะได้รสชาติช็อกโกแลตแบบเต็มคำ อีกทั้งขนมเค้กของทางร้านยังเป็นขนมเค้กโฮมเมด ทำสดใหม่วันต่อวัน และถ้าหากใครมาทานแล้วติดใจ ทางร้านก็รับทำขนมเค้กเป็นปอนด์ แต่แนะนำให้สั่งล่วงหน้า 2-3 วันนะคะ
Mixed Nut Pie (120 บาท)
ขนมพายโฮมเมดดยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู สำหรับเมนูนี้ทางร้านจัดเต็ม เป็นขนมโรยหน้าด้วยถั่วระดับพรี่เมียมแบบจัดเต็ม ทั้งถั่วพิสตาชิโอ อัลมอนด์ และแมคคาเดเมีย
Mango Cheese Cake (120 บาท)
สำหรับเมนูนี้จะเป็นขนมเค้กโฮมเมดที่ผสมผสานระหว่างชีสเค้กและมะม่วงสดๆ จึงจะได้ทั้งรสชาติหวานและเปรี้ยวอย่างกลมกล่อมภายในชิ้นเดียวเลยค่ะ
Mango Float (130 บาท)
เมนูพิเศษสำหรับเทศกาลมะม่วง ทางร้านจะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้คั้นเป็นน้ำมะม่วง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมมะพร้าว โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนรสชาติไอศกรีมได้ตามชอบ และนอกจากเมนูขนมเครื่องดื่มในเทศกาลมะม่วงแล้ว ทางร้านมักจะมีเมนูขนมและเครื่องดื่มใหม่ๆ ไม่ซ้ำกันในแต่ละเดือนและแต่ละเทศกาลเพื่อเอาใจลูกค้าที่ชอบทานขนมหวานอีกด้วย โดยลูกค้าสามารถติดตามเมนูพิเศษได้ที่หน้าแฟนเพจเลยค่า
Hot Chocolate (80 บาท)
เมนูนี้ขอบอกเลยว่าสายช็อกโกแลตไม่ควรพลาด เพราะทางร้านเลือกใช้ดาร์กช็อกโกแลต 100 เปอร์เซ็นต์ นำมาชงด้วยสูตรของทางร้าน ท็อปด้วยวิปครีมด้านบน ในส่วนของเมนูเครื่องดื่มของทางร้านจะมีตัวเลือกให้ลูกค้าเลือกได้ทั้ง 3 แบบคือ เครื่องดื่มเย็น, ร้อน และปั่น
Ice Kantary Coffee (95 บาท)
สำหรับเมนูสุดท้ายในวันนี้จะเป็นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ทางร้าน ทางร้านเลือกใช้กาแฟลาวาซซา (Lavazza) ส่งตรงจากประเทศอิตาลี คั่วกลางเพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นกำลังดี เพิ่มรสชาติด้วยไซรัปสูตรพิเศษที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมของคาราเมลและกลิ่นเฮเซลนัท ท็อปด้วยวิปครีมและคุกกี้ครัมเบิลค่ะ
สรุปรสชาติอาหาร
Banana Salted Caramel Black Toast (180 บาท) : ขนมปังนั้นมีความกรอบนอกนุ่มในและได้กลิ่นหอมของเนย ตัวไอศกรีมวานิลลาไม่หวานมากเกินไป คนที่ไม่ทานหวานมากน่าจะประทับใจ แต่ถ้าหากใครที่ชอบทานหวานมาก สามารถราดคาราเมลที่ทางร้านให้มาเพิ่มเติมได้ตามชอบค่ะ
Kantary Chocolate Cake (105 บาท) : ตัวเค้กจะมีเนื้อสัมผัสที่นิ่ม ในส่วนของรสชาติจะได้รสชาติของช็อกโกแลตเข้มข้นและไม่หวานมากนัก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่รสชาติดีและเป็นเมนูแนะนำอีกหนึ่งเมนู
Mixed Nut Pie (120 บาท) : สำหรับเมนูนี้ทางร้านให้ถั่วมาเยอะ เป็นเมนูที่คุ้มค่าสำหรับคนที่ชอบทานถั่วโดยเฉพาะ แต่ในส่วนของรสชาติเค้กอาจจะออกหวานนำไปนิดค่ะ แต่จะมีรสชาติของถั่วแต่ละชนิดที่ช่วยลดความหวานได้นิดนึงค่ะ
Mango Cheese Cake (120 บาท) : เนื้อเค้กมีความนุ่ม สำหรับรสชาติชีสเค้กจะออกหวานกำลังดี แต่อาจจะไม่เปรี้ยวมากเท่าไหร่นัก สำหรับมะม่วงสดของทางร้านจะมีรสชาติเปรี้ยว ช่วยเพิ่มรสชาติเค้กได้ดี
Mango Float (130 บาท) : ในส่วนมะม่วงปั่นมาละเอียด เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะได้สัมผัสของเนื้อมะม่วง แต่รสชาติของโฟลตมะม่วงและมะม่วงสดจะได้สัมผัสของรสชาติที่เปรี้ยว จึงอาจจะเปรี้ยวโดดไปบ้างสำหรับบางคน แต่ในส่วนของไอศกรีมมะพร้าว ถึงแม้จะไม่ค่อยได้กลิ่นหอมของมะพร้าวเท่าไหร่นัก แต่มีรสชาติหวานกำลังดี เมื่อทานคู่กันแล้วจะลดความเปรี้ยวของน้ำมะม่วงลงได้บ้าง ทำให้แก้วนี้มีรสชาติที่กลมกล่อมมากยิ่งขึ้นค่ะ
Hot Chocolate (80 บาท) : รสชาติช็อกโกแลตเข้มข้น ไม่หวานมาก ในส่วนของวิปครีมจะมีความนุ่ม สำหรับใครที่ชื่นชอบช็อกโกแลตแบบเข้มข้น ขอแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ
Ice Kantary Coffee (95 บาท) : รสชาติของกาแฟจะไม่หวานมากเกินไปและออกขม และยังมีวิปครีมนุ่มๆ พร้อมด้วยครัมเบิลกรุบกรอบช่วยเพิ่มรสชาติหวานได้มากขึ้นอีกด้วย ในหนึ่งแก้วจึงจะได้ทั้งรสชาติของกาแฟเข้มข้น และความหวานจากท็อปปิ้ง ซึ่งทั้งสองส่วนนั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดีค่ะ
การประเมิน และให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.1 |
บรรยากาศ |
4.0 |
การบริการ |
4.0 |
ความคุ้มค่า |
4.0 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.025 |
จุดเด่นของร้าน Café Kantary เชียงใหม่
1. ที่ตั้งของคาเฟ่สามารถเดินทางไปได้ง่ายและมีความสะดวกต่อลูกค้า เนื่องจากตัวคาเฟ่ตั้งอยู่ติดกับถนนนิมมานเหมินท์ ซึ่งเป็นถนนสายหลักในจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งไม่ต้องเดินเข้าซอยลึกเนื่องจากตัวร้านอยู่ด้านหน้าติดกับถนนค่ะ
2. บรรยากาศของตัวร้านนั้นเหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและต้องการหาความเงียบสงบ เนื่องจากทางร้านตกแต่งร้านด้วยสไตล์ที่เรียบง่ายและโล่งโปร่งไม่แออัด อีกทั้งยังแบ่งเป็นสัดส่วน จึงทำให้แต่ละที่นั่งของทางร้านค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวค่ะ
3. ทางร้านมีขนมหวานโฮมเมดให้เลือกทานหลากหลาย และมีการจัดโปรโมชั่นและเมนูพิเศษในแต่ละเดือนอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ลูกค้าที่ไปจะได้ทานเมนูใหม่ๆ หลากหลายไม่จำเจค่ะ
4. คาเฟ่แคนทารี สาขาเชียงใหม่เป็นคาเฟ่ที่มีเมนูขนมโฮมเมดและสามารถทำออกมาได้รสชาติดีหลากหลายเมนู เช่น เมนู Banana Salted Caramel Black Toast ทางร้านเลือกใช้ขนมปังชาร์โคลปิ้งจนกรอบ มีกลิ่นหอมของเนย ในส่วนของรสชาติเข้ากันได้ดีกับไอศกรีม และ Kantary Chocolate Cake ตัวเค้กเป็นเค้กหน้านิ่ม และมีรสชาติช็อกโกแลตที่เข้มข้น ไม่หวานมากเกินไปค่ะ โดยรวมแล้วน่าจะถูกใจคนชอบทานของหวานได้เป็นอย่างดี
5. ทางร้านมีบริการ Wi-Fi ฟรีสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ คาเฟ่แคนทารีจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการพักผ่อนและเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้ค่ะ
ข้อเสนอแนะและข้อมูลเพิ่มเติม
1. ถ้าหากเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่และต้องการจองพื้นที่ล่วงหน้าในส่วนของห้องไพรเวท ลูกค้าอาจจะต้อง Walk-in เท่านั้น เพราะทางร้านไม่เปิดจองล่วงหน้า
2. ทางร้านรับออเดอร์เค้กปอนด์ตามเมนูเค้กของทางร้าน โดยแนะนำให้สั่งล่วงหน้า 2-3 วัน ถ้าหากสนใจสามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์และแฟนเพจของทางร้านค่ะ
Café Kantary สาขาเชียงใหม่นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงใหม่ไม่น้อยเลยค่ะ เพราะเพียงแค่บรรยากาศก็เงียบสงบ เหมาะสำหรับสายชิลและคนที่อยากหาที่นั่งพักผ่อน อีกทั้งยังพร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มและเมนูขนมหลากหลายทั้งเค้ก เบเกอรี่และไอศกรีมโฮมเมด รวมไปถึงเมนูที่หมุนเวียนตามแต่ละเทศกาลอีกด้วย ดังนั้นแล้วถ้าหากใครที่เป็นทั้งสายคาเฟ่ สายชิล สายกินต้องไม่พลาดกับ Café Kantary บนถนนนิมมานเหมินท์แห่งนี้เลยค่ะ