[รีวิว] ชาคาริคิ 432 (Shakariki 432) บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์โอซาก้า สนุกกับทาโกะยากิที่ให้ทำด้วยตัวเอง @อโศก
ชาคาริคิ 432 (Shakariki 432) เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอซาก้า ซึ่งคำว่า “ชาคาริคิ” หมายถึง “ตั้งใจจริง” ก็เหมือนทางร้านตั้งใจให้ลูกค้าได้เข้ามาทานอาหารแบบเฮฮาสไตล์คนโอซาก้า สำหรับตัวเลข “432” ที่หลายคนอาจแปลกใจว่าหมายถึงอะไร อ่านว่า “ชิมิซึ” ซึ่งเป็นนามสกุลของเจ้าของร้านนั่นเอง
ปัจจุบัน Shakariki 432 มีหลายสาขา ถ้าต้องการทานบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างจะมีแค่สาขาอโศก และศรีราชา ครั้งนี้ทีมงาน RyoiiReview ได้มารีวิวที่สาขาอโศก (สุขุมวิท 21) กับบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างราคา (699 บาท) ราคานี้ยังไม่รวมเครื่องดื่ม นอกจากจะมีบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างให้ทานนาน 2 ชั่วโมง อีกไฮไลท์เด็ดของร้านที่ถูกใจคนชอบทำอาหาร คือ “ทาโกะยากิแบบทำเอง” สามารถโชว์ฝีมือทำได้ด้วยตัวเองที่โต๊ะ (ทางร้านยังมีบริการทำให้ด้วย) ส่วนใครไม่ใช่สายบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง สาขาอโศกยังมีอาหารแบบอะลาคาร์ทให้เลือกหลายเมนู
สาขาอโศกแห่งนี้เอาใจคนชอบสังสรรค์เฮฮาช่วงรอบดึก เริ่มเปิดตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันจันทร์-พฤหัสบดี ปิดบริการเวลา 03.00 น. วันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ปิดเวลา 05.00 น. สำหรับสาขาทองหล่อจะเปิดบริการ 24 ชั่วโมง บริเวณร้านใหญ่ที่สุด และมีรายการอาหารครบครันกว่าสาขาอื่นๆ
ครั้งนี้ขอแว้นพี่วินไป “โอซาก้า” ในเมืองไทย
ถึงหน้าอาคาร PS Tower แล้วค่ะ
หน้าร้าน Shakariki 432 อยู่ชั้นใต้ดิน
แผนที่จาก Facebook Shakariki 432 (ร้านอยู่ซอยสุขุมวิท 21)
รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานี "สุขุมวิท" ออกประตู 1 (ถนนอโศกมนตรี สยามสมาคม) รถไฟลอยฟ้า BTS ลงสถานี "อโศก" ออกประตู 5 (ถนนสุขุมวิท)
ใครที่เดินห้างเทอร์มินัล 21 และอยากแวะมาทาน สามารถนั่งวินมอเตอร์ไซค์จากหน้าห้างได้เลยค่ะ และมาลงหน้าอาคาร PS Tower ซึ่งร้าน Shakariki 432 จะอยู่ชั้นใต้ดิน ทีมงานก็ใช้วิธีแว้นพี่วินมาเช่นกัน ใช้เวลาไม่นานก็ถึงร้านแบบไม่ต้องห่วงเรื่องรถติดด้วย และคนที่นำรถส่วนตัวมาให้จอดข้างบนอาคาร PS Tower ได้เลยค่ะ ก่อนกลับอย่าลืมให้ทางร้านแสตมป์บัตรจอดรถกันก่อนนะคะ
SPONSORED
“ค่าใช้จ่าย” ในการกินแบบโอซาก้า แต่มาแค่อโศก
ครั้งนี้ทีมงานได้เลือกโปรบุฟเฟ่ต์แบบ (699 บาท) และคิดว่าแอลกอฮอล์ยังไม่ใช่ทางของเรา เพราะวันนี้มาเพื่อปิ้งย่าง และพกความตั้งใจมาโชว์สเต็ปการทำทาโกะยากิครั้งแรก เป็นที่นี่ที่แรก
- (699 บาท) ราคาบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสำหรับผู้ใหญ่ แต่ยังไม่รวมเครื่องดื่ม
- (499 บาท) ราคาบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสำหรับเด็ก แต่ยังไม่รวมเครื่องดื่ม
- (999 บาท) ราคาบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่รวมเครื่องดื่มทุกชนิด (รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย สามารถเลือกได้ทั้ง เบียร์, สาเก, เหล้าบ๊วย, เหล้า, ชูไฮ, โซจู, ไวน์แดง, ไวน์ขาว, และค็อกเทล)
รู้กฎก่อนกินบุฟเฟ่ต์ (699 บาท)
1. เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ทานฟรี
2. เด็กอายุ 4-14 ปี ราคาท่านละ (499 บาท)
3. ลูกค้าอายุ 15 ปีขึ้นไป ท่านละ (699 บาท)
4. อาหารที่เหลือไม่สามารถนำกลับบ้านได้
5. หากทานเหลือปรับท่านละ (500 บาท)
6. ราคานี้เป็นราคาที่ยังไม่รวมเครื่องดื่ม
7. ทุกราคาอิ่มอร่อยได้เต็มที่ 2 ชั่งโมง! (Last Oderภายใน 1.30 ชม.) มีค่าภาษี 7% และค่าบริการ Service Charge อีก 7 %
8. อาหารที่สั่งไปไม่สามารถเปลี่ยนหรือคืนได้
สมุดเมนูมี 3 ภาษา ไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น
ราคาบุฟเฟ่ต์สำหรับเด็กตามจุดต่างๆ ของร้านที่บอกว่า (399 บาท) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น (499 บาท)
เมนูเครื่องดื่มที่มีคำต่อท้ายว่า “โซดา” จะผสมแอลกอฮอล์เล็กน้อย ใครไม่ดื่มลองมองหาตัวอื่นค่ะ
ราคาเขียนบนกระดาน หน้าทางเข้าร้าน
ก่อนจะลงมาชั้นใต้ดินยังมีป้ายราคา
บรรยากาศภายในร้าน
ใครที่เป็นสายเฮฮามาถูกที่แล้วค่ะ ที่นี่เปิดโอกาสให้ทำตัวสนุกลุกนั่งสบาย เพราะนั่งทานอาหารกันกับพื้นโดยมีเบาะนุ่มๆ ให้นั่ง ก่อนจะขึ้นมานั่งก็ต้องถอดรองเท้า ไม่ต้องกลัวรองเท้าจะหายนะคะเพราะที่วางรองเท้าจะอยู่ในร้านนี่แหล่ะค่ะ ถึงจะนั่งทานแบบพื้นแต่ไม่เมื่อยอย่างที่คิด เพราะมีช่องว่างไว้สำหรับหย่อนขาทุกโต๊ะ ใครเดินโปรดระวังจะตกหลุมตามใต้โต๊ะกันด้วยนะคะ หลุมค่อนข้างกว้าง ถึงจะไม่ลึกมากแต่ถ้าเดินพลาดอาจมีเจ็บได้ค่า ส่วนกระดิ่งที่เห็นอยู่บนโต๊ะไว้สำหรับลูกค้ากดตอนจะเรียกพนักงานเสิร์ฟค่ะ
ใครมากับคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออก คงได้รู้ความหมายดีๆ จากข้อความบนโคมไฟ
SPONSORED
ใครอยากมาชิวนั่งหน้าร้าน เก้าอี้ตัวนี้รออยู่
เบาะนุ่มๆ พร้อมที่วางขาด้านล่าง ให้นั่งทานได้ยาวๆ แบบไม่เมื่อย
เดินในร้านด้วยความระมัดระวังด้วยนะคะ
ทานปิ้งย่างที่นี่ไม่มีกลิ่นเหม็นติดผม ติดเสื้อผ้ากลับไปเพราะทุกโต๊ะมีที่ดูดควัน ส่วนกำแพงสีแดงยังมีข้อคิดดีๆ แบบภาษาไทยติดไว้ให้อ่าน
รูปตรงผนังคือเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่น เหมือนมีเจ้าของร้านมาดูแลลูกค้าเองเลย
วางเมนูบนถังเก๋ๆ ที่หน้าร้าน เผื่อใครผ่านมาแถวและยังไม่เคยเข้ามาทานหยิบอ่านสะดวก
ถ้าไม่มีชื่อร้านภาษาไทย คงคิดว่านี่คือประเทศญี่ปุ่นจริงๆ
fukuo ที่แปะตรงรูปปั้นโมอาย คือชื่อคนรู้จักของเจ้าของร้าน รูปปั้นแต่ละอันก็จะมีชื่ออื่นๆ อีก
ช่วงค่ำเริ่มมีคนมานั่งทานเป็นเพื่อนพวกเราแล้ว
บันไดทางลงหน้าร้านมีหลายขั้น ใครมาตอนกลางคืนมองทางลงดีๆ นะคะ แต่ทางร้านเปิดไฟสว่างหลายจุดพอช่วยให้มองเห็นทางเดินง่ายขึ้นค่ะ ด้วยนะคะการตกแต่งร้านเป็นสไตล์โอซาก้าขนานแท้ มาแล้วจะเห็นแบล็คกราวน์รูปผู้ชายคือเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่น ส่วนรูปคนอื่นๆ คือพนักงานทางญี่ปุ่น ด้านนอกร้านที่ใครเดินผ่านไปมาจะเห็นรูปปั้นโมอาย ทางร้านบอกว่าเจ้าของร้านทางญี่ปุ่นคิดว่าหน้าตาตัวเองเหมือนกับรูปปั้น “โมอาย” เลยนำมาเป็นอีกสีสันให้ทางร้าน ส่วนโคมไฟแดงที่ติดตามหน้าร้านแสดงถึงสัญลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น ทางร้านบอกว่าโคมแต่ละอัน หรือที่เขียนด้วยพู่กันจีนแปะตามกำแพงในร้านจะเขียนไม่เหมือนกันเพราะเป็นคติพจน์ และกลอนที่เจ้าของร้านเขียนเอง
ผลงานชิ้นแรก “ทาโกะยากิ” สูตรมือใหม่แต่ใจรัก
สำหรับใครที่อยากทำ “ทาโกะยากิ” ด้วยตัวเองทางร้านจะยกอุปกรณ์การทำ และเครื่องปรุงต่างๆ ให้ลูกค้าได้นั่งทำที่โต๊ะเลย แต่ถ้าใครไม่เข้าใจขั้นตอนไหนสามารถสอบถามพนักงานในร้านตลอดได้เลยค่ะ ครั้งนี้เรามาทานโปรบุฟเฟ่ต์ (699 บาท) ซึ่ง “ทาโกะยากิ” รวมอยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์แล้ว แต่ถ้าใครไม่ได้มาสั่งแบบบุฟเฟ่ต์และต้องการทำทาโกะยากิ ต้องสั่งแยกจะมีราคา (280 บาท)
ช่วงเวลาแห่งความสนุกในโลกการทำ “ทาโกะยากิ”
ศึกษาขั้นตอนการทำ “ทาโกะยากิ” เบื้องต้นจากใบนี้ได้ค่ะ ถ้าไม่เข้าใจค่อยถามพนักงานเพิ่ม
เมื่อได้อุปกรณ์ครบแล้วให้ “เปิดหัวแก๊ส” โดยหมุนหัวแก๊สไปทางซ้าย และกดปุ่มสี่เหลี่ยมสีดำเพื่อจุดแก๊ส และให้รอจนกระทะร้อน จากนั้นใส่ขิงแดงสับ หอมซอย หนวดปลาหมึกทาโกะยากิลงในแป้ง
เทแป้งลงในกระทะให้เต็มแบบนี้ค่ะ
พอ “ทาโกะยากิ” เริ่มแข็งตัว ให้ใช้ไม้แคะขอบๆ
ใช้ไม้กดลงไปเพื่อพลิกตัวทาโกะยากิ
ผลงานเริ่มปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ครั้งแรกของการทำทาโกะยากิ และการLive สดๆ ขอบันทึกไว้เป็นความทรงจำ
ซอส และมายองเนส เตรียมราดทาโกะยากิ
ราดด้วยซอสทาโกะยากิให้ทั่วๆ
ราดมายองเนสทับลงไปอีกชั้น
ผงปลาแห้งให้มาเยอะมากค่ะ สนุกล่ะคราวนี้
หลังจากโรยผงปลาแห้งปริมาณตามความชอบ ให้โรยสาหร่ายตามลงไป
เป็นไงบ้างคะหน้าตา “ทาโกะยากิ” จากความตั้งใจ
ได้เวลาชิมฝีมือ
ความรู้สึกต่อ “ทาโกะยากิ” :
เป็นความสนุกของการทำอาหารที่หาไม่ได้ทุกร้าน ใครชอบทาโกะยากิอยู่แล้วจะรู้สึกสนุกกว่าตอนทำที่บ้าน ตรงที่เราไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์หรือวัตถุดิบเอง เพราะทางร้านมีทุกอย่างพร้อม ส่วนรสชาติหลังจากปรุงรสแล้วทานตอนยังร้อนๆ จะกรอบนอกนุ่มใน ยิ่งเราเป็นคนทำเองจะได้กลิ่นหอมๆ ตอนทำตลอด ใครปากกว้างๆ ทานได้ทีเดียวเต็มคำ
เครื่องที่ใส่ไปมีขิงแดงสับ หอมซอย ช่วยเพิ่มรสชาติให้ทาโกะยากิไม่จืดชืด ส่วนหนวดปลาหมึกทาโกะยากิ ชิ้นหนาเต็มตำ ทางร้านต้มได้เหนียวกำลังดี ส่วนผงปลาแห้งปลาแห้งที่ใช้โรยตอนจบรสชาติดีเข้ากับทาโกะยากิค่ะ สำหรับทาโกะยากิที่ทำไปได้จำนวน 16 ลูก ซึ่งลูกนึงก็ใหญ่อยู่เหมือนกันค่ะ แนะนำให้มาทานกันหลายๆ คน เพราะถ้าเหลือไม่สามารถนำเอากลับไปทานที่บ้านได้นะคะ
บริหารเวลา 2 ชั่วโมงดีๆ เพราะยังมี “ปิ้งย่าง” รออยู่
ท่องไว้ว่าอย่าเพิ่งอิ่มจาก “ทาโกะยากิ” นะคะ เพราะยังมีอย่างอื่นรอให้ทานต่อ นั่งทำโต๊ะเดิมที่เดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือมีเนื้อต่างๆ มาให้ลอง
เตาย่าง อาจกินพื้นที่โต๊ะสักเล็กน้อย
เครื่องดูดควันติดตั้งอยู่เหนือเตาย่างคอยช่วยดูดควันขึ้นไปตลอด จึงไร้ควันโขมงไม่แสบตา และไม่ร้อนมือขณะปิ้งย่าง
มาถึง 17.40 น. จึงสั่งได้ออร์เดอร์สุดท้ายได้ถึง 19.10 น. หรือภายใน 90 นาที
ซอสสีดำ YAKINIKU รสชาติไม่เปรี้ยว ไม่หวานจนเกินไป กลิ่นไม่ฉุน เข้ารสชาติทั้งหมู และเนื้อ
ซอสจะวางบนโต๊ะ สามารถเติมเองได้ตลอดตามต้องการ
หอยเชลล์
ลิ้นวัวรสเกลือ
เนื้อสันนอก
เนื้อซี่โครงติดมัน
สุกแล้ว ทานได้ค่า
ได้เวลาวางเนื้อต่างๆ บนเตา เตาย่างมีความกว้างจึงวางเนื้อได้ทีเดียวนับสิบชิ้น
เตาที่นี่ช่วยให้เนื้อสุกไว ได้ทานเร็วทันใจ
ใกล้ได้ทานเนื้อซี่โครงติดมันแล้ว มีที่คีบขนาดใหญ่ช่วยให้คีบเนื้อสะดวก
ลิ้นวัวรสเกลือ จะบางกว่าเนื้อซี่โครงติดมัน แต่แผ่นจะกว้างกว่า
เนื้อสันนอก บางชิ้นหั่นมาขนาดเล็กให้ทานพอดีคำ
หอยเชลล์ทางร้านบอกเป็นไซส์เล็ก แต่ดูแล้วชิ้นก็ไม่เล็กนะคะ ทานได้เต็มปากเต็มคำอยู่ค่ะ
ซูชิแซลมอน (ซ้าย) และซูชิปลาโอ (มากุโระ) (ขวา)
ซูชิทั้ง 2 หน้าปริมาณข้าวพอๆ กัน แต่หน้าแซลมอนจะดูสั้นกว่าหน้าปลาโอ (มากุโระ) เล็กน้อย
พักการปิ้งย่างด้วยของทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ชิ้นใหญ่
อันนี้ไปบุกที่ครัวจนเจอเตาย่างที่ทางครัวกำลังย่างเมนูอะลาคาร์ท
ความรู้สึกต่อบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง :
ซอส YAKINIKU : รสชาติพอดีๆ ไม่หวานนำ หรือเปรี้ยวมาก ทานได้กับเนื้อ และหมู
หอยเชลล์ : หอยเชลล์สดค่ะ แต่รสชาติออกเค็มนำ คนทานเค็มอยู่แล้วก็อาจจะรู้สึกว่ารสชาติกำลังดี แต่คนไม่ทานเค็มเลยอาจต้องหาของหวาน หรือทานคู่กับซูชิเพื่อหาตัวช่วยตัดความเค็มลง แต่หอยเชลล์ขนาดเป็นไซส์เล็กแต่ขนาดถือว่าหนานุ่มเต็มปากเต็มคำ
ลิ้นวัวรสเกลือ : ชิ้นใหญ่ดีค่ะทานกับซอส YAKINIKU จะอร่อยขึ้นอีก ลิ้นวัวไม่ได้เค็มตามชื่อขนาดนั้นนะคะ รสชาติพอดีๆ ค่ะอาจยังเหนียวไปสำหรับบางคนนะคะ แต่ลิ้นวัวยังเหนียวน้อยกว่าประเภทเนื้อค่ะ
เนื้อซี่โครงติดมัน : มีความเหนียวให้ได้สัมผัสบ้าง แต่ยังไม่เท่าเนื้อสันนอก ส่วนของเนื้อมีมันแทรก เหมาะกับคนชอบทานส่วนเนื้อติดมัน
เนื้อสันนอก : ถึงจะเหนียวกว่าเนื้อซี่โครงติดมัน สำหรับคนไม่ชอบทานติดมัน สั่งเนื้อชนิดนี้ดีกว่าค่ะ
ซูชิแซลมอน : แซลมอนโปะมาได้ชิ้นหนา ไม่คาว ข้าวปริมาณเยอะทานแบบคำโตๆ ถ้าทานซูชิเยอะไประวังจะอิ่มกันก่อนนะคะ
ซูชิปลาโอ (มากุโระ) : ซูชิปลาโอ (มากุโระ) หน้าซูชิยาวกว่าซูชิแซลมอน ใครชอบทานซูชิแบบเน้นแต่หน้า และอยากทานหน้าเยอะๆ ให้เลือกหน้าปลาโอ (มากุโระ) เป็นหลักค่ะ
เครื่องดื่ม
เมนูเครื่องดื่มอย่าลืมนะคะว่าไม่ได้อยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์ต้องซื้อแยกเอาเอง และถ้าใครไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์อย่าลืมถามพนักงานก่อนสั่งนะคะว่ามีเครื่องดื่มตัวไหนบ้างที่ไม่มีแอลกอฮอล์เลย ที่ทีมงานทราบมาคือ “ชาเย็น” “ชาเขียว” ไม่มีแอลกอฮอล์แน่ๆ แต่เครื่องดื่มที่ลงท้ายคำว่า “โซดา” จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่เล็กน้อยค่ะ
พีชโซดา (ซ้าย) และบ๊วยโซดา (ขวา) แก้วละ 50 บาท
ความรู้สึกต่อเครื่องดื่ม :
ถ้าเน้นหวานหอม ปนความซ่าต้องสั่ง “พีชโซดา” แต่ถ้าอยากได้ความสดชื่นแบบบ๊วยโซดาที่ออกเค็มๆ สไตล์บ๊วยมาพร้อมกับความซ่าของโซดาลองมาดื่ม “บ๊วยโซดา” ค่ะ ทั้งคู่มีแอลกอฮอล์นะคะ ใครสั่งมาดื่มหลายแก้วระวังมึนๆ นะ
SPONSORED
การประเมิน และให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
3.5 |
บรรยากาศ |
4.3 |
การบริการ |
4.3 |
ความคุ้มค่า |
3 |
คะแนนเฉลี่ย |
3.8 |
ลองมาทานอาหารในบรรยากาศสไตล์โอซาก้าดูสักครั้งที่ได้ทำตัวตามสบายๆ กว่าร้านอื่นๆ ยิ่งกลุ่มไหนรักการทำอาหาร จะพาเพื่อนๆ มาแข่งกันทำทาโกะยากิกันก็น่าสนุกดีค่ะ มาวัดฝีมือกันว่าใครจะหมุนทาโกะยากิออกมาได้กลมป๊อก และอร่อยกว่ากัน เป็นกิจกรรมทั้งกระชับมิตร และได้ทานอิ่มไปพร้อมกันๆ
ใครอยากทานแต่ไม่อยากทำทาโกะยากิ ยังมีพนักงานทำให้พร้อมทาน แต่ไหนๆ มาถึงที่นี่มีการทำทาโกะยากิเป็นไฮไลท์ของร้าน ก็มาลองทำกันสักตั้งกันก่อนก็ไม่เสียหายนะคะ ผลงานอาจจะออกมาดีกว่าที่คุณคิดไว้
พนักงานของสาขานี้บางคนอาจจะพูดภาษาไทยไม่ชัดมาก หรือสื่อสารภาษาไทยยังไม่คล่องแคล่ว ยิ่งตอนลูกค้าเต็มร้านถ้าได้รับการบริการช้าไปบ้าง ลูกค้าบางท่านก็อย่าเพิ่งใจร้อนกันไปนะคะ ถ้ามีอะไรเร่งด่วนจริงๆ ยังมีพนักงานที่เป็นคนไทยให้ความช่วยเหลืออยู่
ราคาบุฟเฟ่ต์จัดว่าสูงเหมือนกันสำหรับคนที่ทานน้อย เพราะราคา (699 บาท) ถ้าทานได้ไม่เยอะภายในเวลา 2 ชั่วโมงอาหารจะดูแพงทันที และยังต้องซื้อน้ำแยกเองอีกต่างห่างด้วย แต่ถ้าใครเป็นนักดื่มมาทานในราคา (999 บาท) ก็ต้องเน้นดื่มให้คุ้มจริงๆ ทานให้เยอะจริงๆ ถึงจะคุ้มค่า เพราะทุกราคายังไม่รวมค่าภาษี 7% และค่าบริการ Service Charge อีก 7 %
ใครที่มาช่วงคนเต็มอาจเดินผ่านทางเดินไม่ค่อยสะดวก เพราะแต่ละโต๊ะจะอยู่ชิดๆ กัน ก็อย่าเพิ่งหงุดหงิดนะคะ เพราะร้านนี้ตั้งใจให้มีแต่ความเป็นกันเอง ไม่ต้องมาแบบโก้หรู แต่มาแล้วเฮฮา
สำหรับราคาอาหารทั้งหมดของทีมงาน RyoiiReview มียอดรวมที่ต้องจ่ายทั้งหมด (1,714 บาท) โดยมีราคาบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างจำนวน 2 ท่าน ท่านละ (699 บาท) เครื่องดื่มคือบ๊วยโซดา (50 บาท) พีชโซดา (50 บาท) ค่าบริการ Service Charge 7% (104 บาท) และภาษี 7% (112 บาท)
จุดเด่นของร้าน Shakariki 432 อโศก
1. ได้บรรยากาศสไตล์โอซาก้าญี่ปุ่นแท้ๆ เสียงดังเฮฮาได้เต็มที่ เพราะนี่คือสไตล์โอซาก้า
2. มีให้ลองทำทาโกะยากิเอง เพิ่มกิจกรรมสนุกเฮฮาบนโต๊ะอาหารได้มากขึ้น
3. มีที่ดูดควันทุกโต๊ะ จึงหมดห่วงเรื่องเหม็นควันในห้องแอร์ หรือกลิ่นควันติดผม ติดเสื้อ
4. ร้านปิดดึกเอาใจคอดื่มให้นั่งดื่มแบบยาวนานไปเลย ใครไม่ดื่มเบียร์ สาเก ยังมีบางเมนูที่ผสมแอลกอฮล์อ่อนๆ ให้เลือกดื่มแทน
5. ใต้โต๊ะมีที่หย่อนขา ช่วยคลายความเมื่อยเวลานั่งทานอาหารนานๆ
6. มีปลั๊กไฟให้ใช้ฟรี ปลั๊กไฟจะอยู่ใกล้กับโต๊ะ
7. ที่ใส่กระดาษทิชชู่มีรูปร่างเป็นรูปปั้นโมอายเหมือนรูปปั้นหน้าร้าน ดูแปลกตาและเข้ากับสไตล์ร้านโดยรวมดีค่ะ
ข้อเสนอแนะ
1. เนื้อค่อนข้างเหนียว ใครไม่ชอบเคี้ยวอะไรนานๆ อาจจะรู้สึกทานยากไปสักหน่อย
2. ลูกค้าบางท่านที่ไม่ทราบมาก่อนว่ามีเครื่องดื่มแบบไหนที่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสม จึงอยากให้พนักงานแจ้งให้ลูกค้าทราบทุกครั้งตั้งแต่เนิ่นๆ หรือทำสัญลักษณ์ในสมุดเมนูไว้ก็ดีค่ะ
3. การทานอาหารแบบนั่งกับพื้นเวลาเดินผ่านทางตอนคนมาเยอะๆ อาจเดินลำบากไม่สะดวก คนที่มาทานที่นี่ก็ต้องยอมรับจุดนี้ให้ได้ค่ะ
ใครชอบความเป็นโอซาก้าลองหาเวลามาที่ Shakariki 432 ใกล้สาขาไหนไปสาขานั้นได้เลยค่ะ แต่ถ้าตั้งใจกับบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสำหรับสาขาในกรุงเทพฯ ก็มีที่ “อโศก” (สุขุมวิท 21) เท่านั้น เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด นัดก๊วนเพื่อสนิทครบสมาชิกได้เมื่อไรลองมาปลดปล่อยความเครียด และให้เสียงหัวเราะเฮฮาเข้ามาแทนที่กันบนพื้นที่แห่งนี้นะคะ