รีวิว Kobe King ร้านปิ้งย่างเนื้อวากิวไทยสไตล์ญี่ปุ่น เนื้อวากิวไทยพรีเมี่ยมเปิดใหม่ในราคาย่อมเยา ที่ควรไปลองในย่านอารีย์
**ปัจจุบันร้านย้ายออกจากโครงการ Gump's Ari แต่ยังคงอยู่ในซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ ถัดออกไปอีก 200 เมตรจากร้านเดิมค่ะ (อัปเดต 29/07/63)
หากใครได้แวะเวียนมาที่แหล่งแฮงค์เอาท์ใหม่ล่าสุดในย่านอารีย์อย่าง GUMP's Ari คงจะได้สังเกตเห็นร้าน Kobe King Japanese BBQ Restaurant บนชั้น 2 ของโครงการไปบ้างแล้ว แต่ถ้าหากใครยังไม่มีโอกาสได้ไป วันนี้ Ryoii จะขอพาทุกคนไปชิมถึงที่ร้านกันแบบเน้นๆ
สำหรับร้าน Kobe King Japanese BBQ Restaurant สาขา GUMP's Ari นั้นเป็นสาขาที่ 2 ของร้าน ซึ่งสาขาแรกอยู่ที่เชียงใหม่ แต่ในวันนี้ทางร้านก็ได้มาเปิดใจกลางเมืองเอาใจคนกรุงเทพฯ กันบ้างด้วยคอนเซ็ปต์ "เนื้อราชา ราคามิตรภาพ" เพราะเมนูของทางร้านนั้นเป็นปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่มีเมนูเนื้อวัวหลากหลาย แถมสาขานี้เขายังมีเมนูพิเศษเพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย ใครที่เป็นสาวกปิ้งย่างต้องห้ามพลาดเลยนะคะ
Kobe King ร้านปิ้งย่างเนื้อวากิวไทยสไตล์ญี่ปุ่น เนื้อวากิวไทยพรีเมี่ยมเปิดใหม่ในราคาย่อมเยา ที่ควรไปลองในย่านอารีย์ @GUMP's Ari
การเดินทาง
Kobe King Japanese BBQ Restaurant ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ด้านหน้าโครงการ GUMP's Ari ในซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิทลงสถานีอารีย์ ใช้ทางออก 3 เพื่อเดินไปที่ซอยพหลโยธิน 7 จากนั้นเดินประมาณ 300 เมตรและเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ จากนั้นเดินตรงไปอีกประมาณ 150 เมตร ตัวโครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ
SPONSORED
หรือถ้าหากใครที่เดินทางด้วยรถส่วนตัว สามารถเดินทางมาจากแยกสะพานควาย เพื่อเข้าสู่ถนนพหลโยธิน จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตรเพื่อกลับรถ และขับตรงไปอีกประมาณ 450 เมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพหลโยธิน 7 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือค่ะ
สำหรับใครที่ต้องการจอดรถ ให้ขับตรงไปอีก 300 เมตร และเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าซอยชำนาญอักษร ด้านในสุดของซอยจะมีที่จอดรถบริการ โดยที่จอดรถจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00-02.00 น. มีค่าบริการจอดรถชั่วโมงละ 30 บาท (โครงการมีบริการรถรับส่งจากซอยชำนาญอักษร-GUPM's Ari โดยลูกค้าสามารถใช้บริการได้ไม่เสียค่าบริการ)
บรรยากาศภายในร้าน
Kobe King Japanese BBQ Restaurant สาขา GUMP's Ari ยังคงคอนเซ็ปต์การตกแต่งคล้ายกับสาขาเชียงใหม่ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนการตกแต่งบางส่วน โดยตัวร้านจะเป็นกระจกใส และเน้นตกแต่งด้วยโทนสีดำและสีแดงจากไฟ และยังมีบาร์น้ำด้านหน้าร้าน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของการทานปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นและเหมาะสำหรับการมาแฮงค์เอาท์ในช่วงกลางคืนกับกลุ่มเพื่อนมากยิ่งขึ้น
SPONSORED
สำหรับพื้นที่รองรับลูกค้าที่มาทานอาหารนั้นมีให้เลือกทั้งด้านในห้องปรับอากาศและด้านนอก Open-air แบ่งออกเป็นด้านใน 9 โต๊ะ ส่วนด้านนอกจะเป็นโต๊ะใหญ่ 3 โต๊ะและโต๊ะเล็ก 2 โต๊ะ โดยรองรับได้ทั้งหมด 50 ที่นั่งค่ะ
เมนูและราคาอาหาร
ทางร้านจะเสิร์ฟเมนูปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นในรูปแบบ A La Carte แบ่งเวลาเปิดบริการออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงกลางวันเวลา 12.00-15.00 น. และช่วงเย็นเวลา 17.00-23.00 น. (วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดบริการ 12.00-23.00 น.) สำหรับช่วงกลางวันทางร้านจะมีบริการอาหารเป็น Lunch Set โดยใน 1 เซ็ตลูกค้าสามารถเลือกสั่งเนื้อวัวและเนื้อหมูได้ตามต้องการ จากนั้นทางร้านจะเสิร์ฟเนื้อที่ลูกค้าเลือกพร้อมกับ น้ำซุป ข้าว และเครื่องเคียงมาเป็น 1 เซ็ตค่ะ
แต่สำหรับช่วงเย็นทางร้านมีเพียงเมนู A La Carte แยกเป็นจานเท่านั้น ในส่วนของเมนูอาหารทางร้านนั้นพร้อมเสิร์ฟทั้ง เนื้อวัวพรีเมี่ยม เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ซีฟู้ด และของทานเล่น พร้อมด้วยน้ำจิ้มให้เลือกทานถึง 3 แบบคือ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มยากินิกุ และน้ำจิ้มพอนสึ (ราคาอาหารทั้งหมดยังไม่รวม VAT 7%)
สำหรับเมนูเครื่องดื่ม ทางร้านนั้นมีบริการหลากหลายไม่แพ้เมนูอาหาร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชาเขียว (ร้อน/ เย็น) น้ำผลไม้โซดา รวมไปถึงในส่วนของบาร์น้ำที่มีให้เลือกทั้งค็อกเทลและเครื่องดื่มในสไตล์ญี่ปุ่น โดยบาร์น้ำนั้นเปิดบริการตั้งแต่ 12.00-15.00 น. และ 17.00-23.00 น.
เนื้อวัวพรีเมี่ยม
เนื้อวัวพรีเมี่ยมทางร้านเลือกใช้เนื้อวัววากิวจากฟาร์มในประเทศไทย ซึ่งมีให้เลือกทานถึง 5 ชนิด โดยแต่ละเมนูทางร้านก็จะราดซอสสูตรเฉพาะของทางร้านมาพร้อมเลยค่ะ
เนื้อสุกี้ญี่ปุ่น Sukiyaki (189 บาท)
สำหรับเมนูนี้รับรองว่าถูกใจสายสุกียากี้อย่างแน่นอนค่ะ ทางร้านจะเสิร์ฟเนื้อสไลซ์บางราดด้วยซอสตามสูตรของทางร้านพร้อมกับไข่ดิบสด โดยวิธีการทานก็คือ ให้ลูกค้านำเนื้อไปย่างจนสุกกำลังดี ก่อนจะนำมาจุ่มลงในไข่ดิบ ในหนึ่งคำจึงจะได้ทั้งรสชาติของเนื้อและความมันของไข่ควบคู่กันมาเลยค่ะ
เนื้อคารุบิพรีเมี่ยม Premium Karubi (299 บาท)
เมนูนี้นับว่าเป็นเมนูเนื้อยอดนิยมของร้านเนื้อย่างเลยค่ะ เพราะจะเป็นส่วนที่มีเนื้อและไขมันแทรกมาคู่กัน สำหรับใครที่ชอบทานเนื้อที่มีส่วนของไขมันน่าประทับใจค่ะ
เนื้อใบพายพรีเมี่ยม Speacially Selected Misuji (Oyster Blade) (299 บาท)
เมนูนี้จะเป็นใบพายที่ทางร้านคัดเฉพาะ เนื้อแต่ละชิ้นจึงมีลายไขมันแทรกบางๆ ในแต่ละชิ้นสวยกำลังดีค่ะ
เนื้อร่องซี่โครงพรีเมี่ยม Premium Rib Loin (100 กรัม/ 199 บาท)
เนื้อส่วนที่ติดกับซี่โครง ทางร้านจะหั่นมาหนากว่าเมนูอื่นๆ แต่ยังคงมีไขมันแทรกพอประมาณค่ะ โดยเมนูนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 2 ขนาดคือ 100 กรัม (199 บาท) และ 200 กรัม (389 บาท) สำหรับจานนี้จะเป็นขนาด 100 กรัมราคา 199 บาทค่ะ
เนื้อเต๋าหั่นพรีเมี่ยม Premium Dice Steak (259 บาท)
สำหรับเมนูนี้ทางร้านจะหั่นเนื้อในส่วนที่ติดกับไขมันมาในรูปแบบลูกเต๋า แต่รับรองว่าทานง่าย เพราะไซส์กำลังดีและมีความนุ่มจากไขมันแทบทุกชิ้นค่ะ
เนื้อวัว
เนื้อคารุบิ Karubi Boneless Short Ribs (159 บาท)
สำหรับเมนูนี้จะเป็นส่วนเนื้อซี่โครง ทางร้านจะสไลซ์มาหนากำลังดี และมีไขมันแทรกพอประมาณ ใครที่ชอบทานทั้งส่วนไขมันและส่วนเนื้อ แนะนำว่าให้ลองสั่งเมนูนี้มาทานค่ะ
เนื้อแฟมมรี่ Fammi Boneless Bacon (119 บาท)
เมนูนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อที่มีไขมันเน้นๆ เลยค่ะ เพราะจะเป็นส่วนเนื้อที่ติดมันเยอะกว่าตัวอื่นๆ ค่ะ
เนื้อฮารามิ Harami (Beef Skirt) (129 บาท)
สำหรับเนื้อฮารามิก็จะเป็นเมนูยอดนิยมที่พบได้ร้านเนื้อย่างบ่อยๆ เช่นเดียวกัน สำหรับเมนูนี้ทางร้านจะสไลซ์มาชิ้นพอดีคำและไม่หนาจนเกินไปค่ะ
เนื้อใบพายคัดธรรมดา Misuji (Oyster Blade) (119 บาท)
ในส่วนของเนื้อใบพายทางร้านจะมีให้ลูกค้าเลือกทาน 2 ชนิดคือ เนื้อใบพายคัดธรรมดา (119 บาท) และเนื้อใบพายคัดพิเศษ (199 บาท) โดยในวันนี้ Ryoii ได้ทานในส่วนเนื้อใบพายคัดธรรมดา ซึ่งแต่ละชิ้นจะสไลซ์มาชิ้นยาวและมีไขมันแทรกสวยเลยค่ะ
เนื้อโรส Ro-Su (119 บาท)
เมนูนี้ Ryoii ขอแนะนำสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อล้วนไม่ติดไขมัน โดยแต่ละชิ้นจะมีแต่ส่วนของเนื้อวัวเน้นๆ แต่อาจจะยังคงมีไขมันแทรกมานิดนึงค่ะ แต่ไม่มากเมื่อเทียบกับเมนูอื่น
ลิ้นวัว Beef Toung (129 บาท)
เมนูยอดฮิตอีกหนึ่งเมนูสำหรับร้านเนื้อย่าง โดยในหนึ่งจานทางร้านจะเสิร์ฟส่วนของลิ้นวัวที่มีความเด้งหนึบ พร้อมกับมะนาวให้ทานคู่กันเพื่อเพิ่มรสชาติค่ะ
ไทยวากิวสเต็ก
ในส่วนของเนื้อสเต็กนั้นคือเมนูใหม่ในส่วนของเนื้อพรีเมี่ยม ซึ่งทางร้านเพิ่มเข้ามาสำหรับสาขา GUMP's Ari โดยเฉพาะ โดยมีพร้อมเสิร์ฟทั้งหมด 3 เมนู ซึ่งในแต่ละเมนูราคาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักและขนาดของเนื้อค่ะ
สเต็กกลาง Ribs Steak (250 กรัม/ 490 บาท)
สำหรับเมนูนี้จะเป็นส่วนที่มีไขมันแทรกทั้งชิ้น โดยทางร้านมีให้เลือกทั้งหมด 2 ขนาด คือ 250 กรัม (590 บาท/ ราคาโปรโมชั่น 490 บาท) และ 300 กรัม (690 บาท/ ราคาโปรโมชั่น 590 บาท)
สเต็กสันนอก Striplion Steak (250 กรัม/ 490 บาท)
เมนูเนื้อสเต็กอีกหนึ่งเมนู แต่เมนูนี้จะเน้นในส่วนของเนื้อมากกว่าตัวสเต็กกลาง แต่ยังคงมีไขมันแทรกอยู่บ้างในด้านข้างของตัวเนื้อค่ะ โดยทางร้านมีให้เลือก 2 ขนาดเช่นเดียวกับเมนูแรกคือ 250 กรัม (590 บาท/ ราคาโปรโมชั่น 490 บาท) และ 300 กรัม (690 บาท/ ราคาโปรโมชั่น 590 บาท)
สเต็กใบพาย Misuji Steak (150 กรัม/ 450 บาท)
สำหรับใครที่ชอบทานเนื้อล้วนๆ และต้องการเนื้อสเต็กที่มีชิ้นหนากำลังดีต้องลองเมนูนี้เลยค่ะ เพราะในหนึ่งชิ้นจะเป็นชิ้นเนื้อล้วน และมีไขมันแทรกไม่มากเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับ 2 ตัวข้างต้นค่ะ โดยเมนูนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาดดังนี้ 100 กรัม (320 บาท/ ราคาโปรโมชั่น 290 บาท), 150 กรัม (509 บาท/ราคาโปรโมชั่น 450 บาท) และ 200 กรัม (599 บาท/ ราคาโปรโมชั่น 550 บาท)
เนื้อหมู
นอกเหนือจากเมนูสำหรับสายเนื้อโดยเฉพาะแล้ว ทางร้านก็ยังมีเมนูหมูและไก่ให้เลือกทาน ซึ่งมีให้เลือกทาน 2 แบบคือ หมักเกลือและหมักซอสค่ะ ซึ่งในวันนี้ Ryoii ได้ลองทานเมนู สามชั้นหมักเกลือ Pork Back Ribs Shio Tare (89 บาท) และสันคอหมูหมักเกลือ Pork Loin Shio Tare (89 บาท)
สามชั้นหมักเกลือ Pork Back Ribs Shio Tare (89 บาท)
สันคอหมูหมักเกลือ Pork Loin Shio Tare (89 บาท)
อาหารทะเล
สำหรับเมนูอาหารทะเล ทางร้านก็จัดเต็มไม่แพ้กับเมนูอื่นๆ เพราะมีให้เลือกหลากหลายทั้งกุ้งแม่น้ำ ปลาหมึก กุ้งขาวเสียบไม้ หอยนางรม ยำแมงกระพรุน รวมไปถึงซีฟู้ดสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแซลมอนอีกด้วย
โดยในวันนี้ Ryoii ได้ลองทานเมนูอาหารทะเลทั้งหมด 2 เมนูคือ หอยนางรมสด (69 บาท/ 1 ตัว) สำหรับเมนูหอยนางรม ทางร้านจะเลือกใช้หอยนางรมญี่ปุ่น โดยแต่ละตัวจะท็อปด้วย ไข่กุ้งและวาซาบิ เสิร์ฟพร้อมเลมอนหั่นซีก และแซลมอน ซาชิมิ (199 บาท) เมนูซีฟู้ดในสไตล์ญี่ปุ่น โดยในหนึ่งจานจะมีทั้งหมด 6 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มและวาซาบิ
หอยนางรมสด (69 บาท/ 1 ตัว)
แซลมอนซาชิมิ (199 บาท)
ของทานเล่น
ในส่วนของเมนูของทานเล่นจะเป็นเมนูสไตล์ญี่ปุ่นและสไตล์เกาหลี โดยมีเมนูให้เลือกหลากหลาย เช่น กิมจิ สลัด ยำสาหร่าย ปลาหมึกวาซาบิ เป็นต้น ซึ่งในวันนี้ Ryoii ได้ลองทานของทานเล่นทั้งหมด 2 เมนูคือ ปลาหมึกวาซาบิ Tago Wasabi (89 บาท) และมันปูย่าง Kani Miso (190 บาท)
จากบน (ไส้กรอกหมูญี่ปุ่น, ปลาหมึกวาซาบิ และมันปูย่าง)
อาหารจานเดียว
นอกเหนือจากเมนูปิ้งย่างแล้ว ทางร้านยังมีบริการอาหารจานเดียวที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมื้อเร่งด่วนอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเมนูฟิวชั่นสไตล์ญี่ปุ่น เช่น เมนูข้าวหน้าไทยวากิวสเต็กแกงกะหรี่ซุปเปอร์ชีส Japanese curry supercheese Thai wagyu steak with rice (449 บาท/ ราคาโปรโมชั่นเฉพาะช่วงกลางวัน 399 บาท)
สรุปรสชาติอาหาร
เนื้อสุกี้ญี่ปุ่น Sukiyaki (189 บาท) : ตัวเนื้อจะเป็นส่วนที่มีมันแทรกทั้งชิ้น และสไลซ์ได้บางทานง่าย ตอนย่างจึงสุกได้เร็ว ในส่วนของไข่ดิบมีความสดไม่มีกลิ่นคาว เมื่อทานคู่กันจึงได้ทั้งความมันของไข่และรสชาติของเนื้อควบคู่กัน ถือว่าเป็นเมนูที่อยากแนะนำให้ลองสั่งเลยค่ะ
เนื้อคารุบิพรีเมี่ยม Premium Karubi (299 บาท) : ในหนึ่งชิ้นจะค่อนข้างหนา แต่เมื่อย่างแล้วไม่เหนียวและยังความฉ่ำและหนึบของเนื้อได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงได้รสชาติของไขมันและเนื้อควบคู่กัน ไม่เลี่ยนมากเกินไป
เนื้อใบพายพรีเมี่ยม Speacially Selected Misuji (Oyster Blade) (299 บาท) : สำหรับตัวนี้ทางร้านสไลซ์มาค่อนข้างหนา จึงอาจจะเหนียวไปบ้าง แต่ยังคงได้รสชาติเนื้อแบบเต็มคำ แต่แนะนำให้ย่างไม่ต้องสุกจนเกินไปค่ะ
เนื้อร่องซี่โครงพรีเมี่ยม Premium Rib Loin (100 กรัม/ 199 บาท) : เนื้อแต่ละชิ้นจะเป็นส่วนที่ติดกับซี่โครง สไลซ์มาหนานิดนึง แต่ยังคงขนาดที่พอดีคำ เมื่อย่างแล้วยังคงความหนึบและไม่เหนียว และเป็นส่วนที่มีไขมันแทรกกำลังดีค่ะ
เนื้อเต๋าหั่นพรีเมี่ยม Premium Dice Steak (259 บาท) : เมนูนี้มีมันแทรกอยู่ในทุกๆ ชิ้น และมีความนุ่มเป็นอย่างมาก รวมไปถึงขนาดชิ้นที่พอดีคำ จึงสามารถทานได้ง่าย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีรสชาติเนื้ออย่างชัดเจนในหนึ่งคำ ใครที่ชอบทานเนื้อแบบเต็มคำมากกว่าเนื้อสไลซ์ เมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อยากแนะนำค่ะ
เนื้อคารุบิ Karubi Boneless Short Ribs (159 บาท) : หั่นมาชิ้นกำลังดีและไม่หนามากเกินไป สำหรับใครที่ชอบทานทั้งเนื้อและไขมันแนะนำให้ลองสั่งตัวนี้ เพราะเมื่อทานแล้วจะได้ทั้งสัมผัสของไขมันและยังคงได้รสชาติเนื้อควบคู่กันค่ะ
เนื้อแฟมมรี่ Fammi Boneless Bacon (119 บาท) : เนื้อทุกชิ้นมีขนาดใหญ่ แต่เมื่อย่างแล้วยังคงความนุ่มและไม่เหนียว ได้รสชาติไขมันอย่างชัดเจน เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำสำหรับคนที่ชอบเนื้อแบบมีไขมันแทรกเลยค่ะ
เนื้อฮารามิ Harami (Beef Skirt) (129 บาท) : แต่ละชิ้นสไลซ์มาบาง จึงไม่มีความเหนียวและสามารถทานได้ง่าย ได้รสชาติของเนื้อล้วนๆ เพราะเป็นส่วนที่มีไขมันไม่เยอะมากเท่าไหร่
เนื้อโรส Ro-Su (119 บาท) : เนื้อทุกชิ้นมีขนาดที่ใหญ่และมีความหนา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจานที่มีความคุ้มค่า ในส่วนของเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อล้วนไขมันแทรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงอาจจะมีความเหนียวไปบ้าง แนะนำให้ย่างไม่ต้องสุกมากเกินไป
ลิ้นวัว Beef Toung (129 บาท) : ตัวลิ้นวัวอาจจะเด้งและหนึบน้อยไปนิดนึง แต่ยังคงได้รสชาติของลิ้นวัวได้ชัดเจนและไม่มีกลิ่นคาว เมื่อทานคู่กับมะนาวสามารถตัดเลี่ยนได้ดีค่ะ
สเต็กสันนอก Striplion Steak (250 กรัม/ 490 บาท) : ในหนึ่งชิ้นจะมีมันแทรกเยอะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อส่วนติดมัน แนะนำให้ย่างไม่สุกเกินไปค่ะ แต่เมื่อทานแล้วยังคงได้ความฉ่ำและรสชาติของเนื้อแบบชัดเจน รวมไปถึงในหนึ่งชิ้นนั้นมีขนาดใหญ่ จึงสามารถทานได้หลายคนและเป็นเมนูที่คุ้มค่าค่ะ
สเต็กใบพาย Misuji Steak (150 กรัม/ 450 บาท) : ตัวเนื้อเมื่อย่างแล้วยังคงความฉ่ำได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีความเหนียวไปนิดนึงเพราะเป็นเนื้อสเต็กที่มีความหนาค่ะ
สามชั้นหมักเกลือ Pork Back Ribs Shio Tare (89 บาท) : เนื้อสามชั้นแต่ละชิ้นแยกชั้นกันอย่างชัดเจน เมื่อทานจึงจะได้ทั้งสัมผัสของไขมันและรสชาติของหมูควบคู่กันไป รวมไปถึงจะได้ความเด้งและกรอบในส่วนของไขมันด้านบนอีกด้วย
หอยนางรมสด (69 บาท/ 1 ตัว) : หอยนางรมมีความสดจึงไม่มีกลิ่นคาว ในส่วนของเครื่องที่ทางร้านท็อปมาด้านบนช่วยเพิ่มรสชาติในแต่ละคำให้ไม่เลี่ยนเกินไป
แซลมอน ซาชิมิ (199 บาท) : เนื้อปลามีความสด ไม่มีกลิ่นคาว เมื่อทานแล้วจะได้สัมผัสของลายไขมันที่แทรกในแต่ละชิ้น
ปลาหมึกวาซาบิ Tago Wasabi (89 บาท) : ตัวปลาหมึกไม่มีกลิ่นคาว รสชาติวาซาบิชัดเจน และไม่เผ็ดมากเกินไปค่ะ
ข้าวหน้าไทยวากิวสเต็กแกงกะหรี่ซุปเปอร์ชีส (449 บาท/ ราคาโปรโมชั่นเฉพาะเวลากลางวัน 399 บาท) : แกงกะหรี่มีกลิ่นหอมเครื่องแกง แต่ไม่เผ็ดมากเกินไป คนที่ไม่ทานเผ็ดสามารถทานได้ค่ะ ในส่วนของชีสทางร้านให้มาปริมาณเยอะ ช่วยเพิ่มรสชาติและลดความเผ็ดของแกงกะหรี่ได้ แนะนำให้ทานตอนร้อนๆ จะได้รสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น
การประเมิน และให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.00 |
บรรยากาศ |
4.00 |
การบริการ |
4.00 |
ความคุ้มค่า |
4.10 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.025 |
จุดเด่นของร้าน Kobe King Japanese BBQ Restaurant สาขา GUMP's Ari
1. ร้าน Kobe King Japanese BBQ Restaurant เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทานเนื้อวัวโดยเฉพาะ เพราะมีเมนูเนื้อวัวให้เลือกหลากหลาย
2. เมนูอาหารของทางร้านนั้นมีให้เลือกหลายประเภท เช่น อาหารทะเล ของทานเล่น และอาหารญี่ปุ่น รวมไปถึงเครื่องดื่ม ลูกค้าจึงสามารถเลือกทานได้หลากหลายไม่จำเจค่ะ
3. ร้านตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นและเพิ่มความโดดเด่นด้วยแสงไฟ บรรยากาศร้านจึงเหมาะกับการมานั่งทานอาหารและแฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อนในช่วงกลางคืน
4. ราคาแต่ละเมนูนั้นอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพของอาหารที่ลูกค้าได้รับค่ะ
ข้อมูลอื่นและข้อเสนอแนะ
1. ร้าน Kobe King Japanese BBQ Restaurant สาขา GUMP's Ari นั้นเป็นสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่ พนักงานและการบริการของร้านจึงอยู่ในช่วงที่กำลังเตรียมการ จึงอาจจะมีความสับสนไปบ้างค่ะ
2. สำหรับคนที่อยากปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน ทางร้านไม่มีบริการในส่วนนี้นะคะ เพราะทางร้านอาจจะเน้นเมนูปิ้งย่างโดยเฉพาะค่ะ
3. ราคาอาหารทั้งหมดยังไม่รวม VAT 7%
4. ทางร้านมีบริการรับชำระเงินทั้งในรูปแบบเงินสดและบัตรเครดิต โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม
ด้วยคอนเซ็ปต์ "เนื้อราชา ราคามิตรภาพ" ของทางร้านที่ต้องการนำเสนอเนื้อไทยในราคาย่อมเยา ร้าน Kobe King Japanese BBQ Restaurant จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อวัวและปิ้งย่างโดยเฉพาะ อีกทั้งบรรยากาศร้านยังเหมาะกับลูกค้าหลายกลุ่ม ทั้งการมาทานแบบครอบครัว หรือจะมาแฮงค์เอาท์กับกลุ่มเพื่อนในยามค่ำคืนก็ได้หมด ใครที่กำลังมองหาร้านน่านั่งแถมยังอิ่มจุกในหนึ่งมื้อ ร้าน Kobe King Japanese BBQ Restaurant นั้นเปิดบริการต้อนรับในทุกๆ วันเลยค่ะ