รีวิว สำรับใหญ่ Thai Experience Cafe คาเฟ่ขนมไทยประยุกต์ย่านสามย่าน @สวนหลวงสแควร์ จุฬา 14
ขอเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งคาเฟ่ขนมไทยใจกลางเมืองกันที่ ร้านสำรับใหญ่ คาเฟ่ขนมไทยประยุกต์สไตล์โฮมเมดต์ย่านสามย่าน คาเฟ่ที่อยากจะชวนทุกคนมาเปิดประสบการณ์การนั่งคาเฟ่แบบไทยๆ ให้แตกต่างจากเดิม ที่นี่จึงเปรียบเสมือน Community ที่รวบรวมความเป็นไทยไว้ในที่แห่งเดียว มีคอนเซ็ปต์หลักคือการผสมผสานระหว่างความเป็นไทยแบบดั้งเดิมและโมเดิร์น ที่นำเสนอผ่านบรรยากาศร้านไปจนถึงเมนูอาหาร รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายให้เข้าร่วมค่ะ
สำรับใหญ่ Thai Experience Cafe คาเฟ่ขนมไทยประยุกต์ย่านสามย่าน
การเดินทาง
ร้านสำรับใหญ่ตั้งอยู่ในโครงการสวนหลวง สแควร์ (จุฬาฯ ซอย 14) ล็อค 18 ค่ะ มีจุดสังเกตคือร้านอยู่ติดกับร้าน CHA BAR BKK สำหรับการเดินทางนั้นมาไม่ยาก สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
- BTS ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (ทางออก 2) จากนั้นให้เดินเท้ามาทางจุฬาฯ ซอย 5 ประมาณ 1 กม. ก็จะถึงสวนหลวง สแควร์ค่ะ
- MRT ลงสถานีสามย่าน (ทางออก 2) ตัวสถานีจะห่างจากโครงการประมาณ 2 กม. ค่ะ
และสำหรับใครที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถของโครงการค่ะ อัตราค่าบริการอยู่ที่ 2 ชม. แรก 20 บาท ชม. ถัดไป ชม. ละ 20 บาทค่ะ
บรรยากาศร้าน
เมื่อมาถึงร้านแล้วจะได้เจอกับตัวร้านที่มาในคอนเซ็ปต์ไทยประยุกต์ บรรยากาศโดยรวมจึงออกมาในสไตล์บ้านไม้ไทยที่มีความทันสมัย โดดเด่นตั้งแต่ประตูกระจกหน้าร้านที่มีการตกแต่งด้วยกรอบไม้แบบไทยๆ ซึ่งทางร้านได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ไทยยอดนิยมอย่าง 'ทวิภพ' ค่ะ
ส่วนภายในร้านจะมีการผสมผสานระหว่างไม้แบบไทยๆ และความโมเดิร์นแบบลอฟท์ปูนเปลือย เน้นเฟอร์นิเจอร์และ Built in ทั้งหมดให้ไม้เป็นหลัก จัดวางพร็อพเต็มฝาผนัง ซึ่งทางร้านจะเลือกสิ่งของที่มีเรื่องเล่าและเคยมีประเด็นน่าสนใจในสังคมมาก่อนค่ะ ตกแต่งจัดเต็มแบบนี้ ใครที่เป็นสายถ่ายรูปรับรองว่าประทับใจแน่นอนค่ะ
สำหรับพื้นที่ภายในร้านจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะมีโต๊ะเล็กๆ ให้นั่ง 2-3 โต๊ะ และเคาน์เตอร์สั่งอาหาร ส่วนด้านบนจะเป็นโต๊ะใหญ่ ประมาณ 3-4 โต๊ะ พร้อมด้วยมุมหมอนอิงให้นั่งแบบชิลๆ ซึ่งตรงมุมหมอนอิงนี้ก็จะมีการดัดแปลงให้เป็นเวทีทำกิจกรรมและจัดแสดงต่างๆ อีกด้วยค่ะ
เมนูและราคาอาหาร
นอกเหนือจากบรรยากาศจะชวนนั่งแล้ว ขนมของทางร้านก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ เพราะเมนูของทางร้านนั้นยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นไทยประยุกต์ ที่ผ่านการปรับรูปร่างหน้าตาให้มีความโมเดิร์นแตกต่างจากขนมไทยแบบเดิมๆ และมีการนำไปผสมผสานกับวัตถุดิบใหม่ๆ ทำให้มีรสชาติทานง่ายถูกปากมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงแก่นแท้ของขนมไทยแต่ละชนิดไว้เหมือนเดิม นอกจากนี้ทุกๆ เมนูภายในร้านยังเป็นเมนูแบบโฮมเมด ทำมือชิ้นต่อชิ้น เมนูของทางร้านจึงมีความเป็นเอกลักษณ์ และหาทานได้ที่นี่เท่านั้นค่ะ
ทุกๆ เมนูเป็นเมนูสไตล์โฮมเมดที่ทำมือชิ้นต่อชิ้น
สำหรับเมนูของทางร้านจะมีให้เลือกทานทั้งอาหารคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม เสิร์ฟเป็นจานเล็กๆ น่ารักๆ แต่ถ้าใครอยากทานแบบเป็นเซต ทางร้านก็มีเซตน้ำชาที่มีทั้งขนมและเครื่องดื่มให้เลือกทานอีกด้วยค่ะ
ถุงทอง Rangoon ราคา 99 บาท
ขอเริ่มต้นกันด้วยอาหารว่างไทยโบราณที่มีความหมายมงคลอย่าง 'ถุงเงิน ถุงทอง' ทางร้านได้นำถุงทองแบบเดิมๆ นำมาฟิวชั่นกับ Crab Rangoon หรือเกี๊ยวปูครีมชีส ในแต่ละชิ้นจึงสอดไส้ด้วยครีมชีสคลุกเคล้ากับเนื้อปู จากนั้นนำมาห่อ และเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้านค่ะ
ทานคู่กับน้ำจิ้มพริกตำสูตรเฉพาะของทางร้าน
ล่าเตียง ราคา 99 บาท
ล่าเตียงหรือเมนูของว่างไทยโบราณยอดนิยม ที่ต้องอาศัยความประณีตไม่แพ้กับเมนูอื่นๆ เมนูนี้ด้านในจะเป็นไส้กุ้งจับคู่กับหมูสับ ผัดกับสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม และพริกไทย) จนมีกลิ่นหอม จากนั้นนำมาวางบนตาข่ายแหไข่เป็ด และพับจับจีบให้ออกมามีรูปทรงคล้ายกับเตียง อันเป็นที่มาของชื่อล่าเตียงนั่นเองค่ะ
สอดไส้ด้วยหมูสับและกุ้งที่ผัดจนหอม
ม้าอ้วน ราคา 139 บาท
อาหารว่างอย่างสุดท้ายในวันนี้ค่ะ สำหรับเมนูม้าอ้วนนี้จะเสิร์ฟมาเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ในหนึ่งชิ้นจะมีทั้งหมูสับ มันหมู และเนื้อปูฉีก ปรุงรสด้วยสามเกลอ นำไปนึ่งจนสุก ท็อปด้วยเนื้อปู ผักชี และพริกชี้ฟ้า จากนั้นนำมาเสียบไม้เสิร์ฟพร้อมสับปะรดให้แกล้ม พร้อมด้วยน้ำจิ้มพริกตำรสเปรี้ยวหวานที่ทางร้านทำเอง
ทานคู่สับปะรดและน้ำจิ้มพริกตำรสเปรี้ยวหวาน
Afternoon Tea Set ราคา 229 บาท
จบเมนูออเดิร์ฟกันไปแล้ว ขอพาดูเมนูน่าสนใจมากๆ อีกหนึ่งเมนูค่ะ เมนูนี้ใครมาตอนเที่ยงๆ บ่ายๆ ขอแนะนำเลย กับเมนู Afternoon Tea Set ค่ะ ในหนึ่งเซตจะมีทั้งน้ำชา และขนมถึง 5 ชนิด!
Afternoon Tea Set
สำหรับขนมที่มีให้เลือกทานถึง 5 ชนิดนั้น ได้แก่ สัมปันนี เกสรลำเจียก กลีบลำดวน เสน่ห์จันทร์ และขนมทองเอกค่ะ ขอเริ่มต้นกันด้วย สัมปันนี ขนมไทยสีพาสเทล ทำออกมาในสูตรโบราณที่มีกรรมวิธีทำมือชิ้นต่อชิ้น เริ่มจากทำตัวสัมปันนีให้ออกมาเป็นผงและนำมากดใส่พิมพ์ทีละชิ้น สัมผัสของสัมปันนีที่นี่จึงจะมีความร่วนละลายในปาก เหมาะสำหรับการทานคู่กับน้ำชาเลยค่ะ
ถัดมาคือ เกสรลำเจียก สำหรับขนมชนิดนี้จะด้านนอกจะเป็นแป้งข้าวเหนียวร่อน ที่ทางร้านเติมสี Pantone ของพระอาทิตย์ตกลงไป (ฟ้า ม่วง และแดง) จนมีความแตกต่างจากเกสรลำเจียกทั่วไป และนำมาสอดไส้ด้วยมะพร้าวทึกทึน ที่มีกลิ่นหอมของใบเตยควบคู่กันมา ปิดท้ายด้วยการนำไปอบควันเทียนค่ะ
อบด้วยควันเทียน เพิ่มกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
ชนิดที่ 3 คือ กลีบลำดวน ที่ออกแบบให้ออกมาเป็นลายประจำยามแบบไทยๆ แต้มด้วยทองบริสุทธิ์ 100% ถึงแม้หน้าตาจะแตกต่างจากกลีบลำดวนปกติ แต่ยังคงความเป็นกลีบเป็นชิ้นตามสไตล์กลีบลำดวนดั้งเดิม และมีกลิ่นหอมอบควันตบท้ายค่ะ
และขนม 2 ชนิดสุดท้าย คือ เสน่ห์จันทร์และขนมทองเอกค่ะ สำหรับ 2 อย่างนี้ทางร้านได้มีการปรับสูตรให้มีความนุ่มและเหนียว เพิ่มเติมด้วยกลิ่นหอมของผงจันทน์เทศค่ะ
ส่วนน้ำชาทางร้านจะเสิร์ฟมาเป็นเหยือก พร้อมแก้วเล็กๆ โดยจะมีชาให้เลือกดื่มถึง 3 ชนิด คือ ชาศลินา (ชากลิ่นขนมไทย) เปลือกกาแฟ (ชาติดขมอมเปรี้ยวของกาแฟ) และชมดอกไม้ (ชากลิ่นหอมดอกไม้) ใครที่ชอบรสชาติแบบไหนก็สามารถเลือกได้เลยค่ะ
ชาชมดอกไม้กลิ่นหอมๆ เข้ากันดีกับขนมไทย
แม่ผึ้ง ราคา 120 บาท
ขอปิดท้ายกันไปด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้าน ที่ในหนึ่งแก้วจะประกอบด้วยน้ำผึ้ง กาแฟ และครีมผสมนม ก่อนเสิร์ฟทางร้านจะนำมาเชคจนขึ้นเป็นฟองนุ่มๆ เสิร์ฟในแก้วทรงสูง ตกแต่งด้วยโรสแมรีและรังผึ้ง ที่จะมีน้ำผึ้งค่อยๆ หยดลงในแก้วระหว่างดื่มค่ะ แก้วนี้เสิร์ฟออกมามีหน้าตาสวยงามเป็นพิเศษ ใครที่ชอบถ่ายรูปต้องประทับใจแน่นอนค่ะ
น้ำผึ้งจะค่อยๆ หยดลงมาระหว่างดื่ม
สรุปรสชาติอาหาร
ถุงทอง Rangoon : ตัวไส้จะมีรสชาติและกลิ่นหอมของครีมชีส มีรสชาติของเนื้อปูแกล้มเล็กน้อย ตัวแป้งหนาและกรอบกำลังดี ทานคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสเปรี้ยวหวาน เข้ากันได้ดีกับตัวถุงทองค่ะ เป็นหนึ่งเมนูที่ค่อนข้างประทับใจค่ะ
ล่าเตียง : ตัวไส้จะออกรสชาติเค็มนิดๆ ไส้ปริมาณพอดีคำ มีความเด้งของเนื้อกุ้งเล็กน้อย ส่วนตัวไข่ด้านนอกก็จะมีความกรอบนิดๆ
ม้าอ้วน : ทานแล้วจะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศ และรสชาติเค็มนิดๆ จากสามเกลอค่ะ สำหรับเมนูนี้จะมีเนื้อปูท็อปมาด้านบนให้พอมีรสชาติ เมื่อทานคู่กับกับน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานเข้ากันได้ดีค่ะ เป็นเมนูทานเล่นที่ทานง่ายๆ อิ่มกำลังดีค่ะ
Afternoon Tea Set : ตัวกลีบลำดวนหอมกลิ่นควันเทียน ไม่แข็งเกินไป รสชาติหวานพอดีเช่นเดียวกับสัมปันนี แต่สัมปันนีจะมีความร่วน ทานแล้วจะละลายในปากค่ะ สำหรับเกสรลำเจียก ในหนึ่งคำจะมีความกรุบกรอบและกลิ่นหอมใบเตยจากตัวไส้ที่เป็นเนื้อมะพร้าว ส่วนตัวแป้งที่ห่อจะไม่หนา มีความกรอบเล็กน้อยค่ะ สำหรับทองเอกและเสน่ห์จันทร์ สัมผัสจะออกเหนียวนุ่ม รสชาติออกหวานค่ะ แนะนำให้ดื่มชาคู่กัน เพราะตัวชาจะไม่ออกรสหวาน ช่วยตัดหวานของขนมได้ดีเลยค่ะ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมดอกไม้จากตัวชาอีกด้วยค่ะ
แม่ผึ้ง : ตัวกาแฟรสชาติเข้มกำลังดี ตามมาด้วยรสหวานกำลังดีจากน้ำผึ้ง ใครที่ชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว น่าจะประทับใจแก้วนี้ได้ไม่ยากค่ะ
การประเมินและให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.05 |
บรรยากาศ |
4.05 |
ความคุ้มค่า |
4.10 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.066 |
จุดเด่นของร้านสำรับใหญ่
1. ขนมและเครื่องดื่มของทางร้านผ่านการออกแบบให้ออกมามีรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากขนมไทยแบบเดิมๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้าน คนที่ชอบถ่ายรูปน่าจะประทับใจเป็นพิเศษค่ะ
2. รสชาติของขนมและเครื่องดื่มนั้นมีการปรับสูตรตามแบบฉบับร้านสำรับใหญ่ ซึ่งทางร้านทำออกมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะถุงทอง Crab Rangoon ถุงทองสอดไส้ครีมชีส และสัมปันนี เนื้อสัมผัสเป็นเอกลักษณ์ หวานหอมกลิ่นควัน เป็น 2 เมนูที่ประทับใจเป็นพิเศษค่ะ
3. เมนูของทางร้านมีให้เลือกทานหลากหลายทั้งอาหารคาว ของหวาน และเครื่องดื่ม แต่จะเน้นเป็นเมนูอาหารว่างที่ทานง่ายๆ พอดีคำค่ะ
4. บรรยากาศของร้านมีการตกแต่งออกมาได้น่านั่ง มีความเป็นไทยผสมผสานความโมเดิร์น มีของประดับตกแต่ง อีกทั้งยังเป็นที่นั่งแบบ Indoor มีเครื่องปรับอากาศ โดยรวมแล้วจึงมีความโล่งโปร่ง นั่งสบายค่ะ
5. ทางร้านจะมีเมนูใหม่ๆ ออกตามเทศกาลและช่วงวันสำคัญ ลูกค้าจึงสามารถเลือกทานได้หลากหลายและไม่จำเจค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะ
1. สำหรับใครที่ขับรถส่วนตัวมา สามารถจอดได้ที่ลานจอดรถของโครงการสวนหลวง สแควร์ อัตราค่าบริการอยู่ที่ 2 ชั่วโมงแรก 20 บาท ชั่วโมงถัดไป ชั่วโมงละ 20 บาท
2. ทางร้านมีกิจกรรม Workshop สอนทำขนมไทย สอนศิลปะนาฏศิลป์ ทำเครื่องหอม และกิจกรรมอื่นๆ ถ้าหากใครสนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Facebook สำรับใหญ่ Thai Experience Cafe
ขนมไทยประยุกต์หน้าตาและรสชาติเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยเมนูอาหารว่างไทยโบราณต้นตำรับหาทานยาก เสน่ห์ของร้านสำรับใหญ่ที่ทำให้ชาวคาเฟ่หลายๆ ประทับใจ และเวียนกลับมาซ้ำอยู่บ่อยๆ หรือถ้าหากใครไม่ใช่สายคาเฟ่เต็มตัว ทางร้านก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้เลือกทำอีกมากมาย สำหรับใครที่กำลังมองหาคาเฟ่ที่แตกต่างจากเดิม หรือกำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการนั่งคาเฟ่ ขอแนะนำร้านสำรับใหญ่แห่งนี้ไว้เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่ควรค่าแก่มาแวะมาเลยค่ะ