พาตะลุย ถนนพระอาทิตย์ ภายใน 1 วัน (ฉบับย่อของกินล้วนๆ)
ว่าง ว่าง ว่าง.... เวลาว่างช่างมีน้อยนิด ฮ่าๆๆๆ งานนี้เอาใจคนที่มีเวลาว่างอันน้อยนิดอย่างเราๆ จะออกต่างจังหวัดก็ยาก จะไม่ไปไหนเลยก็ไม่ได้ !!! ผิดคอนเซ็ปต์สายเที่ยวหมด หลังจากนั่งพินิจพิจารณากับคุณเพื่อนแล้ว ก็ตกลงกันได้ว่า...ไปเดินถ่ายรูปเล่นชิคๆ แถว " ถนนพระอาทิตย์ " กันดีกว่าเพราะของกินก็เยอะดีด้วย.....ก่อนไปก็หาข้อมูลมาพอสมควรเจอร้านนึงชื่อร้าน "โรงน้ำชามิตรามิตร" เราก็สอบถามข้อมูลกับทางร้านว่าร้านเปิดวันไหนอะไรยังไงวางแผนกันเรียบร้อย แล้วก็ออกเดินทางกันเล๊ยยยยยย
ระหว่างเดินทางมาที่ "ถนนพระอาทิตย์" เราก็ได้ทำการเสิร์ชหาข้อมูลด้วย 4G ความเร็วสูงสุดในประเทศไทยได้ความว่า...ร้านที่เด้งขึ้นมาติดอันดับมีอยู่ไม่น้อยเลยแต่เราก็คัดเลือกผู้เข้ารอบมาได้ประมาณ 5 ร้านด้วยกัน จะเก็บร้านครบมั้ยเดี๋ยวต้องตามมาดูกันค่ะ ฮ่าๆๆๆ
หลังจากถึงก็ตั้งใจว่าจะไปร้าน โรงน้ำชาเป็นร้านแรกปรากฏว่า....มาถึงร้านก็ตามหาร้านไม่เจอ เปิด Map นำทางก็บอกว่าถึงที่หมายแล้ว...เราเลยลองเดินไปถามคุณลุงเจ้าของร้านเย็นตาโฟที่อยู่ติดกันดูว่าร้านโรงน้ำชาอยู่ตรงไหน?
เรา : คุณลุงคะรู้จักร้าน "โรงน้ำชามิตรามิตร'' มั้ยคะ?
คุณลุง : นี่ไงร้านติดกันนี่ไง แต่เค้าไม่เปิดมาหลายวันแล้วนิ เนี่ยเมื่อเช้าไฟฟ้าเพิ่งมาตัดหม้อแปลงไฟฟ้าไป สงสัยเค้าจะปิดถาวรแล้วมั้ง...
SPONSORED
เรายืนทำหน้างงใส่เพื่อน ฮ่าๆๆ ร้านปิด!!!!
คุณลุง : มาๆ อย่างเพิ่งงง มาพักเหนื่อยกินเย็นตาโฟ กินน้ำเย็นร้านลุงก่อน มาๆ
จ่ะ...ร้านปิดถ่ายรูปกับประตูร้านก็ยังดี
เรามองหน้ากับคุณเพื่อน อะๆ แวะกินเย็นตาโฟวางแผนกันก่อนจะเอาไงต่อ
ร้าน "พัวกี่" ร้านนี้ก็ถือว่าติดอันดับในการค้นหาหลายๆ คนต้องแวะเมื่อมาถึงถนนพระอาทิตย์
นั่งกินไปสักพักคุณลุงเจ้าของก็เดินมาคุยด้วย คุยไปคุยมาคุณลุงก็บอกว่า "อ้าว นั่นไง อาจารย์เจ้าของร้านน้ำชาเค้ามาแล้ว" เราก็ดีใจกันใหญ่จนกะจะลุกจากที่นี่ไปนั่งต่อร้านน้ำชาเลย แต่...!!! ลืมคิดไปเนอะว่าที่ร้านโดนตัดไปแล้วต้องรอเค้ามาต่อให้อีก ฮ่าๆ นี่ตั้งใจมาร้าน "โรงน้ำชามิตรามิตร" นานแค่ไหนชั้นก็จะรอออออออ
สำหรับใครที่อยากอ่านรีวิวร้าน "พัวกี่" (ฉบับเต็ม) กดตรงนี้ได้เลยจ้าาา
แต่ระหว่างรอร้านน้ำชาเปิด เราก็ไปเดินเล่นกะว่าเดินตามหาร้านที่คัดเรื่องมา ถามทางคุณลุงเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันโลดดด ร้านแรกที่เราเลือกคือ "ขนมเบื้องแม่ประภา" และอีกที่คือร้าน "ปาท่องโก๋" ก่อนออกมาคุณลุกบอกมาออกจากร้านไปทางขวามือ ตรงไปอย่างอย่างเดียวเลยไม่ไกลๆ เดินออกมาสักพักไม่ถึงสักที
เรา : จ้าาาาคุณลุง...ไหนบอกไม่ไกลไงหนูเดินจนเหงื่อท่วมแล้วเนี่ยยยย
คุณเพื่อน : เฮ้ยมันอาจจะไม่ไกลสำหรับคนแถวนี้ แต่สำหรับเราโคตรไกลเลยอะ 5555+
เดิมๆ บ่นๆ มาสักพัก เย้ !! ถึงแล้ววววร้าน "ขนมเบื้องแม่ประภา" ที่ร้านมีไส้เค็มกับไส้หวาน ราคาชิ้นละ 12฿ เราเลยสั่งมาอย่างละ 2 ชิ้น
ขนมเบื้องหอมๆ มันชั่งยั่วยวนเหลือเกิน
ไส้หวานซูมๆ กันหน่อยเป็นไง 555+
หลังจากถ่ายรูปจนสาแก่ใจแล้ว ถึงช่วงชิมของเราค่ะ
หน้าตาไส้เค็ม
สำหรับขนมเบื้อง...ส่วนตัวชอบกินขนมเบื้องไส้หวานมากๆ อยู่แล้วพอมาเจอไส้หวานร้านนี้ โอ้โหหหหห ติดใจอย่างแรง55555+ ชิ้นละ 12฿ ถามว่าแพงมั้ย? ก็แพงนะถ้าเทียบกับขนมเบื้องทั้วๆ ไปแต่ที่นี้ชิ้นใหญ่และให้ไส้แบบเต็มๆ มากกกก เอาเป็นว่าถูกใจๆ ชั้นรักไส้หวาน แต่ถ้าจะพูดถึงไส้เค็มส่วนตัวไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว ที่ร้านนี้เมื่อตอนชิมๆ ดูรสชาติออกจะคล้ายๆ กินห่อหมก(ความคิดเห็นส่วนตัว) ไม่ค่อยโอเคเท่าไร แต่ก็อยากให้ไปลองดูนะคะ หลายคนอาจะชอบก็ได้
กินขนมเบื้องเสร็จก็ได้เวลา เดิน เดิน เดิน ต่อไปค่ะ ไปตามหาร้านปลาท่องโก๋กันต่อเด้ออออ.....
เจอตึกนี้ เป็นสัญญาณว่าเราจะถึงแล้ววว
เดินมาเรื่อยๆ เหนื่อยๆ หยุดๆ ก็จะแยกนี้เลยจ้าาาา เข้าสู่ถนนพระสุเมรุ....
เธอนั่งเดี๋ยวเราจะยืน เพื่อความชิค(เพื่อนสาวกล่าวไว้)
อะ อะ อะ ก็ตึกมันมีความคูลลลลล แวะถ่ายรูปกันก่อน (ขอบคุณภาพจากเหยื่อผู้โชคร้ายที่เดินผ่านมา) หลังจากแวะถ่ายภาพท่ามกลางแสงแดดได้หนึ่งอัลบั้ม!!! ก็เดินกันต่อเลยค่ะ
ไม่มีอะไรมากแค่อยากได้ฟิวข้ามถนน เลยให้เพื่อนเดินข้ามไปอีกฝั่ง5555+
มาถึงแล้วจ้าาาาา ร้าน"ปาท่องโก๋" ไม่ต้องลีลามาก ดูเมนูแล้วสั่งเลยเด้ออออ
เมนูร้าน"ปาท่องโก๋"
เลือกสั่งเมนู "ปาท่องโก๋ ไอศกรีม"
ถ่ายภาพก่อนกิน มันเป็นวัฒนธรรมของเรา :P
สำหรับเมนูที่เลือกสั่งมาลอง ปาท่องโก๋ไอศกรีม เลือกไอศกรีมเองได้ด้วยจ้าเราเลือกเป็นเบอร์รี่น้ำผึ้ง ที่นี้เป็นไอศกรีมโฮมเมดนะคะ รสชาติส่วนตัวเลยนะคิดว่าปาท่องโก๋รสชาติทั่วไปค่ะ แต่ชอบไอศกรีมมาก ออกหวานๆ เปรี้ยวๆ แก้ร้อนได้ดีมาก แต่เค้าไม่ชอบที่ราดช็อคโกแลตมาเยอะเกินไปมันเลี่ยนๆ 55555+
หลังจากกินเสร็จก็เกือบๆ 4 โมงเย็นได้ และเราก็ยังไม่ลืมร้านโรงน้ำชานะคะ ไฟน่าจะมาได้แล้วละมั้งงงง เลยเดินกลับไปที่ร้านอีกรอบ
แวะซื้อรองเท้าสักพัก...
ร้านนี้ขนมปังสังขยา น่าทานมากๆ เสียดายไม่ได้แวะ คราวหน้าต้องกลับมาจัด
แท่นแท๊นนนนนนน เดินกลับมาถึงร้านเปิดพอดีเลยจ้าาาา อย่ารอช้าขอเข้าไปรับแอร์เย็นๆ หน่อย555555+
ตามเข้ามาเลยค่ะ
มองจากมุมนี้
บรรยากาศร้านเป็นไงหรอ? แว๊บแรกที่เห็นคิดในใจ เออแปลกดีไม่เคยนั่งร้านที่ตกแต่งแบบนี้เลย จะให้อารมณ์เหมือนหลุดไปอยู่ในประเทศจีนยุคเก่าๆ หน่อย อ่อลืมบอกไปค่ะที่นี่ชาทุกตัวที่เสิร์ฟเป็นชาจีน มาพร้อมกับขนมเป็นเครื่องเคียง ราคาเริ่มต้นน่าจะประมาณ 150฿ ขึ้นไป ราคาขึ้นอยู่กับเกรดของชาแต่ละชนิดด้วยนะคะ
โชว์เมนูหน่อยค่ะ
Set นี้ของเราเองงงงง (น่ารักมากกกกก)
พอเข้าไปนั่งในร้านเจ้าของร้านก็แนะนำชาตัวนึงคือ "มิลล์อู่หลง" ด้วยความงงเลยถามเจ้าของร้านไป
เรา : มิลล์อู่หลงนี่เป็นไงคะ เหมือนชานมหรอคะ?
เจ้าของร้าน : ไม่ช่ายยยย มันเป็นชาอู่หลง ที่เค้าเรียกมิลล์อู่หลงเพราะมันจะมีกลิ่นหอมละมุนมากๆ
ฟังไปชักเคลิ้ม สั่งเลยเอาตัวนี้แหละคะ 55555+
มาพร้อมเครื่องเคียงเป็นขนมไทย
(มีขนมกล้วย ขนมฝักทอง ขนมชั้น และข้าวต้มมัด)
อันนี้อร่อยมากกกก จะบอกให้ :P
หลังจากตั้งท่าถ่ายรูป(ดูจากภาพ) สักพักก็มาเข้าเรื่องชิมชากันดีกว่า5555+
รสชาติชาก็ปกตินะเราว่า แต่ที่พิเศษคือกลิ่นของมัน... หอมจริงๆ หอมมากๆ กลิ่มหอมหวานอ่อนๆ เหมือนกลิ่นนมแต่ไม่ได้มีรสชาติอะไรนะคะ มีแค่กลิ่น คือดด คือชอบมาก
SPONSORED
นั่งฟังประวัติอย่างเพลิดเพลิน
กาน้ำชาสุดเลอค่า !!!
นั่งจิบชาไปสักพักเจ้าของร้านก็มานั่งคุยด้วย สรุปท่านเป็นอาจารย์อยู่ที่ มธ.ท่าพระจันทร์ อาจารย์ก็มานั่งเล่าเรื่องประวัติเรื่องชา ที่เป็นยังไง แต่ที่พีคสุดคืออาจารย์เอากาน้ำชาออกมาโชว์ ฟังราคาแล้วแทบจะกอดไว้กลัวตกจริงๆ 5555+ สรุปคุยกันนานมากๆ จนดูเวลาก็จะมืดค่ำแล้วววว เลยขอตัวกลับก่อนดีกว่านะค้าาาาา
การเดินทางมาที่ถนนพระอาทิตย์ครั้งนี้ได้อะไรเยอะมากๆ นอกจากของกินอร่อยๆ ที่จะเพิ่มน้ำหนักให้เรา5555++ เรายังได้เจอกับคนที่ไม่รู้จักแต่คุยกันสนิทเหมือนญาติ เอ็นดูเราเหมือนลูกหลาน เล่านู่นนี่นั่นให้ฟังหลายๆ เรื่องที่เราไม่เคยได้รู้ มันเป็นเหมือนเปิดโลกใหม่ให้เราไปอีกแบบ และถ้าใครเล็งๆ ว่าจะมาหาของกินที่นี่ เราแนะนำเลยค่ะ รับรองว่าต้องติดมาแล้วมาอีกแน่นอนค่ะ สรุปง่ายๆ คือ มีความสุขกับทริปหาของกินเล็กนี้มากๆ Happy Happy