รีวิว Le Boeuf The Steak & Fries Bistro ร้านสเต๊กสไตล์ฝรั่งเศส มาพร้อม Café de Paris Sauce ซอสสูตรลับต้นตำรับจากกรุงเจนีวา @Noble Reform Condo Ari
สำหรับใครที่ชอบทานเมนูสเต๊กบอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะเราจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับร้าน Le Boeuf The Steak & Fries Bistro ที่สาขาอารีย์ โดยทางร้านมีความโดดเด่นเรื่องเมนูสเต๊กและซอสที่เป็นสูตรเดียวกันกับต้นตำรับจากกรุงเจนีวา อีกทั้งยังมาพร้อมเมนูอาหารเช้า และบรรยากาศร้านที่เรียบหรูดูเท่ห์ในย่านอารีย์อีกด้วย งานนี้สำหรับใครที่เป็นคอสเต๊กตัวจริงต้องตามไปลองเลยค่ะ
การเดินทาง
ร้าน Le Boeuf The Steak & Fries Bistro ตั้งอยู่ใต้คอนโด Noble Reform Condo ซอย พหลโยธิน 7 สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอารีย์ จากนั้นเดินเข้าซอยไปประมาณ 140 เมตร หากนำรถส่วนตัวไปเอง สามารถจอดรถได้ที่ตึกยศวดี มีค่าจอดรถชั่วโมงละ 30 บาท หรือจอดรถได้ที่อารีย์ซอย 1 ค่าจอดชั่วโมงละ 20 บาทค่ะ
บรรยากาศภายในร้าน
สำหรับร้าน Le Boeuf The Steak & Fries Bistro ตั้งอยู่บริเวณใต้คอนโด Noble Reform Condo เป็นที่สังเกตได้ง่าย ตัวร้านตกแต่งเรียบหรูด้วยโทนสีดำเข้ม ตัดกับตัวโลโก้ร้านสีแดงมีกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสเป็นเอกลักษณ์ ภายในร้านเน้นเลือกใช้งานไม้มาตกแต่ง อย่างโต๊ะกับเก้าอี้ที่ตัดกับผ้าปูโต๊ะสีแดง ตามด้วยผนังสีขาวจากอิฐลอฟท์ ตัวหน้าร้านเป็นกระจกใสมองเห็นข้างในร้านชัดเจน
เมนูและราคาอาหาร
สำหรับเมนูอาหารของทางร้านโดดเด่นในเรื่องเมนูสเต๊ก ที่เสิร์ฟมาพร้อมซอสสุดพิเศษสูตรลับต้นตำรับจากกรุงเจนีวา อีกทั้งตัวเนื้อสเต๊กมีการคัดเกรดอย่างดี เช่นเดียวกับเมนู Australian Tenderloin Black Angus Beef ราคา 1,590 บาท (300 g.), Australian Striploin Black Angus Beef ราคา 1,150 บาท (300 g.) และ New Zealand Grilled Lamb Chops ราคา 1,280 บาท ซึ่งทางร้านเลือกเนื้อส่วนที่ดีที่สุดผ่านการการดรายเอจที่เหมาะสม จึงมั่นใจได้ว่าใครที่ชอบทานสเต๊กจะไม่ผิดหวัง นอกจากนี้ที่ร้านยังเมนู Breakfast ให้บริการในช่วงเวลา 08:00-11:00 น. ในทุกวัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่กำลังมองหาเมนูอาหารเช้าภายใต้บรรยากาศร้านสุดหรูย่านอารีย์
Escargots ราคา 280 บาท
ขอเริ่มต้นเมนูแรกกันด้วยเมนู Escargots เป็นหอยทากฝรั่งเศสอบด้วยกระเทียมและชีส เสิร์ฟพร้อมจานหลุมร้อนๆ มาถึง 6 ตัวด้วยกัน โดยเมนูนี้แนะนำให้ทานตอนที่เสิร์ฟมาใหม่ๆ จะสัมผัสได้ถึงความยืดของชีส หอมกลิ่นกระเทียมทานพร้อมกับหอยทากรสชาติเข้ากันค่ะ
French Mussels ราคา 325 บาท
สำหรับเมนูนี้เป็นหอยแมลงภู่ผัดซอสไวน์ขาวครีม เสิร์ฟมาพร้อมกระทะร้อนตกแต่งน่าทาน โดยหอยแมลงภู่ทางร้านเลือกขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ใครที่ชอบทานอาหารทะเลเมนูนี้ถือได้ว่าแนะนำเลยค่ะ
Australian Tenderloin Black Angus Beef with Café de Paris sauce ราคา 1,590 บาท (300 g.)
มาถึงเมนูไฮไลท์ขอเริ่มต้นด้วยเมนูสเต๊กจานแรกกับ Tenderloin สเต๊กเนื้อสันในออสเตรเลียทางร้านเลือกเป็นสายพันธุ์แบล็คแองกัสที่ถูกดรายเอจนานถึง 120 วัน เสิร์ฟมาพร้อมกับ Café de Paris Sauce ที่เป็นซอสต้นตำรับจากรุงเจนีวา และ Walnut salad กับเฟรนช์ฟรายส์ สำหรับเมนูนี้สามารถทานได้ 1-2 ท่านเลยค่ะ
Australian Striploin Black Angus Beef with Café de Paris sauce ราคา 1,150 บาท (300 g.)
ต่อด้วย Striploin เป็นเนื้อสันนอกออสเตรเลียสายพันธุ์แบล็คแองกัสแทรกด้วยชั้นไขมันเล็กน้อย จัดเสิร์ฟมาพร้อมกับ Café de Paris Sauce เช่นเดิม พร้อมด้วย Walnut salad กับเฟรนช์ฟรายส์ ที่สามารถเติมได้ไม่อั้นในระหว่างการนั่งทาน
New Zealand Grilled Lamb Chops with Café de Paris sauce ราคา 1,280 บาท (300 g.)
ปิดท้ายกับเมนูสเต๊กกันด้วย Lambs สเต๊กซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ที่จัดเสิร์ฟ 300 กรัม มีมาให้ถึง 3 ชิ้นด้วยกัน ในส่วนนี้ก็จะเสิร์ฟมาพร้อมกับ Café de Paris Sauce เช่นเดิม ซึ่งภายในจานตกแต่งมาได้น่าทานมาก สำหรับเมนูนี้บอกเลยว่าใครที่ชอบทานเนื้อแกะต้องไม่พลาดค่ะ
โดยเมนูสเต๊กทุกจานทางร้านจัดเสิร์ฟผ่านเตา Warmer ที่จุดไฟวอร์มอาหารได้ตลอดการนั่งทาน ซึ่งในส่วนนี้จะมีพนักงานคอยให้บริการอยู่ตลอดค่ะ
และนอกจากเมนูสเต๊กกับเมนูแนะนำอย่าง Escargots ราคา 280 บาท และ French Mussels ราคา 325 บาท ทางร้านยังมีเพิ่มเติมในส่วนของเมนูอาหารเช้า ซึ่งสำหรับท่านใดที่อยากมานั่งทานอาหารเช้าที่ร้าน แนะนำเป็น 2 เมนูนี้เลยค่ะ Egg Benedictine ราคา 285 บาท และ Breakfast Egg Cups ราคา 240 บาท สั่งมาทานพร้อมกาแฟสักแก้วบอกเลยว่าเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีเลยทีเดียว โดยในส่วนของเมนูอาหารเช้าจะเริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 08:00-11:00 น.ในทุกวัน
Egg Benedictine ราคา 285 บาท
สำหรับเมนูนี้เป็น Egg Benedictine ที่เป็นการผสมผสานระหว่างขนมปัง ไข่ โรยหน้าด้วย Smoked Salmon ราดด้วยซอส Hollandaise สูตรพิเศษจากทางร้าน ตามด้วยผักเป็นเครื่องเคียง เช่น มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง และเบบี้แครอท เป็นต้น
Breakfast Egg Cups ราคา 240 บาท
เมนูขนมปังที่มาพร้อมไส้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Ham, Becon และ Tomato เป็นต้น ซึ่งจานนี้จัดเสิร์ฟมาให้ถึง 5 ชิ้นด้วยกัน สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นอาหารมื้อเช้า เมนูนี้ก็ตอบโจทย์เช่นกันค่ะ
Vacherin ราคา 270 บาท
ขอปิดท้ายกันด้วยเมนูของหวานที่บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดกับ Vacherin โฮมเมด ที่ประกอบมาด้วยเมอแรงค์อบกรอบมาพร้อมกับสตรอว์เบอร์รี โยเกิร์ตเชอร์เบท และวิปครีม มีมาให้ 3 ลูกด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นการตบท้ายด้วยเมนูของหวานที่ประทับใจจริงๆ ค่ะ
การประเมินและให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.2 |
บรรยากาศ |
4.0 |
การบริการ |
4.1 |
ความคุ้มค่า |
4.0 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.075 |
สรุปเมนูรสชาติอาหาร
Escargots ราคา 280 บาท : สำหรับเมนูนี้แนะนำให้ทานตอนเสิร์ฟใหม่ๆ จะได้รสสัมผัสจากชีสยืด ตามด้วยความหอมของกลิ่นกระเทียมอ่อนๆ และความกรุบของตัวหอยทากฝรั่งเศส อย่างไรก็ดีเมนูนี้เมื่อทานไปสักพักจะรู้สึกถึงความมันจากตัวเนยค่อนข้างมากซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบได้ค่ะ
French Mussels ราคา 325 บาท : หอยแมลงภู่ตัวค่อนข้างใหญ่พอดีคำ ทานพร้อมกับซอสไวน์ขาว มีรสชาติหวานนิดๆ ตามด้วยความละมุนของครีมซอส
Australian Tenderloin Black Angus Beef ราคา 1,590 บาท : เนื้อนุ่มความสุกอยู่ที่ระดับ Medium Rare ทานกับซอส Café de Paris ที่มีรสเปรี้ยวนำหอมเครื่องเทศตัดกับตัวเนื้อได้ดี แนะนำให้ทานพร้อมกับ Walnut salad และเฟรนช์ฟรายส์ ตัว Walnut จะช่วยเพิ่มรสหวานตัดกับตัวเนื้อไปอีกแบบ
Australian Striploin Black Angus Beef ราคา 1,150 บาท : เนื้อหั่ดมาชิ้นกำลังพอดีทาน มีความนุ่มไม่เหนียว สัมผัสได้ถึงชั้นไขมันแทรกตัวในเนื้อเล็กน้อย ทานคู่กับ Café de Paris Sauce เข้ากันได้ดี
New Zealand Grilled Lamb Chops ราคา 1,280 บาท : เนื้อแกะไม่มีกลิ่น นุ่มกำลังดี เมื่อทานพร้อมกับ Café de Paris Sauce ตัวซอสจะเข้าไปเพิ่มรสชาติของเนื้อแกะ ซึ่งเมนูนี้สำหรับใครที่ไม่ทานเนื้อแกะสามารถทานได้เลยค่ะ เพราะที่ร้านเลือกใช้เนื้อแกะคุณภาพดีจึงไม่มีกลิ่น
Egg Benedictine ราคา 285 บาท : เมนูนี้แนะนำให้ทานตอนร้อนๆ จะสัมผัสได้ถึงรสชาติของไข่เยิ้มๆ ตัดกับแซลมอน ทานพร้อมกับผักอย่างเบบี้แครอท ก็เข้ากันอย่างลงตัว
Breakfast Egg Cups ราคา 240 บาท : โดยส่วนตัวชอบรสชาติของขนมปังที่ให้ความหวานนิดๆ ตามด้วยรสชาติของไส้ต่างๆ ตัดกับความสดชื่นที่มากับมะเขือเทศ
Vacherin ราคา 270 บาท : สำหรับเมนูนี้เป็นเมนูที่ประทับใจ ด้วยความนุ่มของวิปครีมทานพร้อมกับโยเกิร์ตเชอร์เบทรสชาติเปรี้ยว ต่อด้วยเมอแรงค์ที่มีรสหวานกรอบ ตามด้วยเนื้อสตรอว์เบอร์รีเล็กน้อยบอกเลยว่าสดชื่นมากค่ะ
จุดเด่นของร้าน Le Boeuf The Steak & Fries Bistro
1. ร้าน Le Boeuf The Steak & Fries Bistro ตกแต่งน่านั่งให้ความเรียบหรูดูทันสมัย จึงตอบโจทย์สำหรับกลุ่มวัยรุ่น ครอบครัว และวัยทำงานค่ะ
2. ทางร้านมีความโดดเด่นในเรื่องของเมนูสเต๊ก เพราะที่ร้านเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีอย่างแกะนิวซีแลนด์ และเนื้อวัวออสเตรเลียสายพันธุ์แบล็คแองกัส ที่ผ่านการดรายเอจมาอย่างเหมาะสม ดังนั้นใครชอบทานสเต๊กต้องไม่พลาดที่จะมาเปิดประสบการณ์กับร้านนี้ค่ะ
3. ทางร้านมีความโดดเด่นในเรื่อง Café de Paris sauce ที่เป็นซอสสูตรเฉพาะที่มาจากต้นตำรับกรุงเจนีวา
4. สำหรับใครที่กำลังมองหาอาหารเช้าย่านอารีย์ ทางร้านมีเมนูอาหารเช้ารองรับ โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 08:00-11:00 น. ในทุกวัน
ข้อมูลอื่นและข้อเสนอแนะ
1. สำหรับเมนู Escargots โดยส่วนตัวมองว่าความมันของชีสและเนยค่อนเยอะไปนิด เวลาทานจึงสัมผัสได้ถึงความมันที่เพิ่มมากขึ้น
2. เนื่องจากร้านตั้งอยู่ใต้คอนโด Noble Reform Condo การจอดรถจึงมีพื้นที่จำกัด แนะนำให้ไปจอดที่ตึกยศวดี มีค่าจอดรถชั่วโมงละ 30 บาท หรือจอดรถที่อารีย์ซอย 1 ค่าจอดชั่วโมงละ 20 บาท ค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นร้านสเต๊กที่คอสเต๊กไม่ควรพลาด เพราะทางร้านค่อนข้างใส่ใจในวัตถุดิบ รวมไปถึงตัวซอส Café de Paris sauce ที่เป็นสูตรเดียวกับต้นตำรับกรุงเจนีวา จึงมั่นใจได้ว่าสเต๊กของที่ร้านมีรสชาติที่ลงตัวและไม่ทำให้เพื่อนๆ ผิดหวังอย่างแน่นอน และนอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูเพิ่มเติมให้ได้เลือกทาน อย่าง Escargots หอยทากฝรั่งเศส และ French Mussels หอยแมลงภู่ในซอสไวน์ขาว รวมไปถึงอาหารเช้าอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นคอสเต๊กโดยตรงบอกเลยว่าแนะนำร้านนี้เลยค่ะ Le Boeuf The Steak & Fries Bistro ตั้งอยู่ใต้คอนโด Noble Reform Condo อารีย์ค่ะ