รีวิว Karawa Omakase สัมผัสการทานโอมากาเสะรูปแบบใหม่ ในธีม HEAVEN & HELL ที่แรกในไทย
เปิดคัมภีร์บทใหม่ พร้อมฉีกกฎ Omakase ของเมืองไทย ที่ไม่เหมือนใคร Karawa Omakase พร้อมแล้วสำหรับการพาคุณเดินทางสู่การเปิดประสบการณ์ใหม่ เพื่อสัมผัสกับความต่างของโอมากาเสะที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
Karawa Omakase เป็นร้านที่จะทุกท่านไปสัมผัสการทานโอมากาเสะรูปแบบใหม่ ในธีม HEAVEN & HELL ที่แรกในไทย พร้อมบอกเล่าเรื่องราวของศิลปะผ่านเมนูอาหารในบรรยกาศแปลกใหม่ของ ‘ห้วงนรกและสรวงสวรรค์’ รับรองได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนแน่นอน!
การเดินทาง
(แผนที่การเดินทางไปยังร้าน Karawa Omakase)
การเดินทางมาที่ร้าน Karawa Omakase ให้ใช้เส้นทางถนนประเสริฐมนูกิจ (351) ร้านจะอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการนวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว และให้ขับตรงไปเรื่อยๆ บนถนนประเสริฐมนูกิจ ปราะมาณ 250 เมตร ให้ชิดซ้ายเข้าสู่ถนนประเสริฐมนูกิจ 29 หลังจากนั้นให้ขับตรงไปอีกประมาณ 220 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ จุดสังเกตง่ายๆ ทางเข้าร้านจะเป็นทางเข้าเดียวกับโชว์รูมรถ 55 MOTOR ค่ะ
บรรยากาศร้าน
เมื่อเดินเข้ามาในร้านเราก็จะได้พบกับบรรยากาศร้านสุดลึกลับและเก้าอี้ 1 ตัว นั่นคือ 'เก้าอี้คัดสรร' ที่เปรียบเสมือนเก้าอี้ที่คอยชี้ชะตาให้เรา ว่าเราจะได้ไปทานโอมากาเสะที่ห้องไหน
ชะตาจะเป็นผู้กำหนดและเก้าอี้คัดสรรจะเป็น ผู้นำทางให้คุณก้าวสู่ห้วงนรกหรือสรวงสวรรค์
ภายในร้านจะแบ่งออกเป็น 2 ห้อง นั่นคือ HEAVEN & HELL หรือ สวรรค์และนรก นั่นเองค่ะ โดยแต่ละห้องจะถูกตกแต่งและแบ่งออกอย่างชัดเจนด้วยธีมสวรรค์และนรก สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณห้องละ 9-10 ท่านค่ะ
เริ่มต้นที่ห้องแรกด้วยธีม ‘HEAVEN’ ห้องนี้มาในบรรยากาศสบายๆ โทนสีขาวสว่างตกแต่งแต่ปุยเมฆอยู่ทั่วทั้งห้อง เก้าอี้ถูกตกแต่งพนักพิงด้วยปีกนางฟ้าอย่างสวยงาม
สำหรับห้องนี้จะเป็นธีม ‘นรก’ ที่ทุกอย่างตรงกันข้ามกับสวรรค์ ทั้งความดำมืดและร้อนแรง เรียกได้ว่าให้ความรู้สึกตื่นเต้นไปอีกแบบค่ะ
เมนูและวัตถุดิบของ Karawa Omakase
สำหรับ Karawa Omakase ร้านนี้จะเป็นการนำเสนอโอมากาเสะในรูปแบบผสมผสานระหว่างความเป็นสมัยใหม่ และสไตล์ Edomae ซึ่งเป็นการทำซูชิแบบดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน ในส่วนของวัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้จะเป็นวัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพซึ่งวัตถุดิบหลักทั้งหมดจะต้องนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น อาทิ ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ที่ส่งตรงจากเขียงปลา Yamayuki ซึ่งเป็นเขียงปลาที่ขึ้นชื่อว่าเทพสุดของญี่ปุ่น หรือจะเป็นข้าวซูชิ ซึ่งเป็นการเลือกใช้ข้าวสายพันธุ์คุณภาพมาผสมผสานกับน้ำส้มสายชูแดงสูตรพิเศษของทางร้าน ทำให้ข้าวซูชิของร้าน Karawa Omakase มีรสชาติเข้มข้นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้านนั่นเองค่ะ
ราคาของ Karawa Omakase (แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้ 12.00 น. | 17.00 น. | 20.00 น.)
• First ราคา 3,500 บาท (16 courses)
• Gold ราคา 5,500 บาท (18 courses)
• Platinum ราคา 10,500 บาท (19 courses)
เริ่มต้นเมนูแรกที่เชฟคัดสรร
Tomato Junsai, Hotaru Ika, Hamachi Sashimi
เปิดต่อมรับรสกับจานแรกที่จะพาเราไปสัมผัสความสดของซาชิมิทั้ง 3 ชนิด อย่าง Hamachi Sashimi, Akami Sashimi, Hotaru Ika และเติมความสดชื่นไปกับ Tomato Junsai มะเขือเทศราชินีดองรสชาติเปรี้ยวหวาน และตามมาด้วยกลิ่นหอมของน้ำมันงา นอกจากนี้เราก็ยังจะได้เคี้ยวเพลินไปกับ Junsai (ยอดบัวอ่อนญี่ปุ่น) และสาหร่ายเส้นผมอีกด้วย (ในจานนี้มาพร้อมวาซาบิ, โนริกุโระ และโชยุสูตรพิเศษของทางร้าน)
ซาชิมิเราขอเริ่มต้นที่ Hamachi Sashimi เนื้อปลาฮามาจิที่ผ่านขั้นตอนของการบ่มมาแล้ว เวลาทานรสชาติปลาจะมีความเข้มข้นเคี้ยวแล้วมีความหนึบของเส้นไขมันที่แทรกอยู่ ต่อมาคือ Akami Sashimi ซึ่งจะใช้เวลาในการบ่มถึง 14 วัน อากามิเนื้อปลาส่วนที่ไม่มีไขมันแต่โดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน ซึ่งอากามิของที่นี่สามารถเดี่ยวๆ แบบไม่ต้องจิ้มโชยุก็ได้ค่ะ ปิดท้ายด้วย Hotaru Ika (หมึกหิ่งห้อย) เนื้อสัมผัสนุ่มและแน่น รสชาติหวานหอมค่ะ
Taraba Kani Don
Taraba Kani Don หรือ ทาราบะคานิมิโซะ เสิร์ฟมาในจานปูสีทอง เนื้อปูทาราบะชิ้นเต็มคำท็อปด้วยอิคุระและทรัฟเฟิล สำหรับจานนี้ต้องบอกว่าเป็นการรวมเอาวัตถุดิบชั้นเลิศจากท้องทะเลญี่ปุ่นมารวมกันก็ว่าได้ค่ะ ปูทาราบะเนื้อสดแน่น รสหวานหอม เมื่อทานพร้อมคานิมิโซะแล้วจะมีความหอมของมันปูที่โดดเด่นออกมาและปิดท้ายด้วยอิคุระรสชาติเค็มนวล ทุกวัตถุดิบที่ใส่มาจานนี้ถือว่ารสชาติไปด้วยกันได้ดีมาก มีทั้งความหอม มัน และเค็มแบบลงตัว
Chutoro Sushi with White Truffle
มาถึงอีกหนึ่งพระเอกที่ทางร้านตั้งใจคัดสรรมาอย่างดีกับ Chutoro ทาด้วย red sauce และท็อปด้วยทรัฟเฟิลขาว ในขั้นตอนการเสิร์ฟเชฟจะวางมาบนแท่นหินอ่อนสีขาว และปล่อย smoke bubble เรียกได้ว่าเหมาะกับธีมสวรรค์ที่เรากำลังนั่งอยู่สุดๆ
สำหรับซูชิชูโทโร่ชิ้นนี้ก่อนนำมาทำเป็นซูชิทางร้านจะนำไปบ่มไม่ต่ำกว่า 20 วัน ทำให้เวลาทานแล้วรสชาติของเนื้อปลาและไขมันโดดเด่นขึ้นมา ในส่วนของเนื้อปลายังคงความนุ่มละมุนและมีความหนึบของของไขมันที่แทรกอยู่ด้วย เมื่อทานพร้อมข้าวซูชิสีน้ำตาลทองสูตรลับเฉพาะของทางร้านแล้วเข้ากันดีมาก!
A5 Wagyu Sukiyaki
สำหรับเมนูนี้เสิร์ฟมาในธีมนรกสุดร้อนแรง ทางร้านเลือกใช้เนื้อ Miyazaki เนื้อวากิว A5 ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น และเสิร์ฟมาพร้อมน้ำสุกี้แบบดั้งเดิม สำหรับเนื้อมิยาซากิขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อและยังได้รับการยอมรับจากคนญี่ปุ่นว่าความอร่อยไม่แพ้เนื้อโกเบหรือเนื้อมัตสึซากะแน่นอน!
เมนู A5 Wagyu Sukiyaki เมื่อทานแล้วสัมผัสแรกคือเนื้อวากิวจะมีความนุ่มและหอมกลิ่นมันเนื้อที่แทรกอยู่ตลอดทั้งชิ้น ตามมาด้วยรสหวานเค็มของน้ำสุกี้ที่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อ Miyazaki ได้อย่างลงตัว
Awabi Sashimi
Awabi Sashimi ถือเป็นเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตของชาวญี่ปุ่นเช่นเดียวกันค่ะ หอยเป๋าฮื้อตัวโตนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เมนูนี้ทางร้านจัดเสิร์ฟมาแบบซาชิมิ ท็อปมาด้วยซอสตับหอยเป๋าฮื้อและอิคุระ
สำหรับ Awabi Sashimi เนื้อหอยเป๋าฮื้อมีความหนึบและเด้งไม่มีกลิ่นคาว ในส่วนของซอสตับทำออกมาดีมากค่ะ เนื้อสัมผัสละมุนมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ รสชาติหวานนิดๆ เมื่อทานพร้อมอิคุระก็จะมีรสเค็มนิดๆ เรียกได้ว่าช่วยชูรสชาติ Awabi Sashimi จานนี้ได้ดีมากค่ะ
Uni Toast
‘Uni Toast’ สำหรับเมนูนี้ถือเป็นวัตถุดิบสุดพรีเมียมที่ไม่ควรพลาด เพราะทางร้านเลือกใช้อูนิ 2 สายพันธุ์ที่ดีที่สุดอย่าง Murasaki และ Bafun มาช่วยกันเติมเต็มรสชาติของ Uni Toast จานนี้ให้ออกมาดีที่สุดๆ
Uni ทาด้วย white sauce สูตรเฉพาะของทางร้าน เสิร์ฟมาบนโทสต์กรอบนอกนุ่มใน และท็อปด้วยคาเวียร์และวาซาบิเป็นขั้นตอนสุดท้าย สำหรับ Uni Toast ชิ้นนี้ทานแล้วจะได้ทั้งความหอมมัน ความครีมมี่แบบละลายในปาก และตามมาด้วยกลิ่นอายของน้ำทะเลที่ถือเป็นเอกลักษณ์ Uni นั่นเองค่ะ
Otoro Sushi
เมนูพระเอกของร้านกับเมนู Otoro Sushi จานนี้เสิร์ฟมาในธีมนรกอันเร้าร้อน วัตถุดิบสุดพรีเมียมอย่าง Otoro ที่ส่งตรงจากเขียงปลา Yamayuki ซึ่งเป็นเขียงปลาที่ขึ้นชื่อว่าเทพสุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียวค่ะ Otoro ทั้งชิ้นจะถูกเชฟนำไปบ่มไม่ต่ำกว่า 14 วัน ก่อนนำมาเสิร์ฟให้เราได้ทาน เมื่อทานแล้วบอกได้คำเดียวว่านุ่มละมุนสุดๆ มีกลิ่นหอมที่เฉพาะตัวของโอโทโร่และฉ่ำไปด้วยไขมันที่แทรกอยู่ทั่วทั้งชิ้นเลยค่ะ
Hamachi Sushi
Hamachi Sushi ซูชิปลาฮามาจิที่เชฟบรรจงปั้นอย่างพิถีพิถันเสิร์ฟมาบนจานสุดอลังการ และปิดท้ายด้วยการโรยผิวส้มเพื่อเพิ่มความหอมให้กับ Hamachi Sushi ชิ้นนี้
ซูชิปลาฮามาจิเนื้อจะมีความนุ่มรสชาติเค็มนิดๆ และมีเส้นไขมันของปลาแทรกอยู่ทั่วทั้งชิ้นเวลาที่เคี้ยวก็จะได้สัมผัสหนึบๆ หน่อยค่ะ
Shima Aji Sushi
Shima Aji Sushi ปลาเนื้อขาวอีกหนึ่งชนิดที่ใครได้ลองแล้วก็ต้องติดใจไปตามๆ กัน เนื้อปลาชิมาอาจิทาด้วย white sauce เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมให้กับเนื้อปลา ทานแล้วเนื้อปลาจะมีความกรอบแน่น รสชาติของเนื้อปลามีความเข้มข้นและแทรกด้วยมันนิดๆ
Truffle Ice Cream, Yuzu Cream Cheese Tart
ปิดท้ายมื้อนี้ไปด้วยไอศกรีมทรัฟเฟิล เสิร์ฟมาพร้อมทาร์ตครีมชีสยูสุ สำหรับไอศกรีมทรัฟเฟิลจะเป็นไอศกรีมโฮมเมดสูตรลับเฉพาะของทางร้าน ไอศกรีมเนื้อละมุนที่โดดเด่นด้วยความทรัฟเฟิลและหวานนิดๆ สามารถตัดรสหวานได้ด้วยทาร์ตครีมชีสยูสุเปรี้ยวๆ หอมๆ ชิ้นนี้เลยค่ะ
สรุปรสชาติอาหาร
Tomato Junsai, Hotaru Ika, Hamachi Sashimi : ซาชิมิทั้ง 3 ชนิด อย่าง Hamachi Sashimi, Akami Sashimi, Hotaru Ika และ Tomato Junsai เนื้อซาชิมิทุกชนิดจะมีความเข้มข้นจากขั้นตอนการบ่มก่อนนำมาเสิร์ฟ และสำหรับ Tomato Junsai ทานแล้วจะรสชาติเปรี้ยวหวานให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อได้ทาน
Taraba Kani Don : ปูทาราบะเนื้อสดแน่นรสชาติหวานหอม มีความหอมของมันปูที่โดดเด่น ปิดท้ายด้วยรสชาติเค็มนวลจากอิคุระ และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์จากทรัฟเฟิลอีกด้วยค่ะ
Chutoro Sushi with White Truffle : ชูโทโร่ซูชิ red sauce สูตรเฉพาะของทางร้านและท็อปด้วยทรัฟเฟิลขาว เนื้อปลาจะมีความเข้มข้นหอม มัน และมีความหนึบจากไขมันที่แทรกอยู่ในชิ้นปลา เมื่อทานพร้อมข้าวซูชิสีน้ำตาลทองสูตรลับเฉพาะของทางร้านแล้วเข้ากันดีมาก
A5 Wagyu Sukiyaki : เนื้อวากิวจะมีความนุ่มและหอมกลิ่นมันเนื้อที่แทรกอยู่ตลอดทั้งชิ้น ในส่วนของซุปสุกี้ยากี้รสชาติเค็มหวานแบบเข้มข้นเข้ากับเนื้อมากค่ะ
Awabi Sashimi : เนื้อหอยเป๋าฮื้อมีความหนึบและเด้งไม่มีกลิ่นคาว ทานพร้อมซอสตับที่มีความหวานนิดๆ เนื้อสัมผัสละมุนมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มากค่ะ
Uni Toast : ทางร้านใช้อูนิ 2 สายพันธุ์ ทานแล้วจะได้ทั้งความหอมมัน ครีมมี่แบบละลายในปาก และตามมาด้วยกลิ่นหอมของอูนิเป็นเอกลักษณ์ และไม่มีกลิ่นคาวค่ะ
Otoro Sushi : โอโทโร่ที่ผ่านการบ่มไม่ต่ำกว่า 14 วัน ก่อนนำมาเสิร์ฟ ทานแล้วเนื้อจะมีความนุ่มและหนึบในเวลาเดียวกัน มีกลิ่นหอมที่เฉพาะตัวของโอโทโร่และฉ่ำไปด้วยไขมันที่แทรกอยู่ทั้งชิ้นค่ะ
Hamachi Sushi : เนื้อปลาจะมีความนุ่มและรสชาติของปลาเค็มนิดๆ มีเส้นไขมันของปลาแทรกอยู่ทั่วทั้งชิ้น และตามมาด้วยกลิ่นหอมของผิวส้ม
Shima Aji Sushi : เมนูนี้จะมีความแน่นและกรอบของเนื้อปลา ทานแล้วมีความกรุบจากเส้นไขมันที่แรกอยู่ในเนื้อปลาอีกด้วยค่ะ
Truffle Ice Cream, Yuzu Cream Cheese Tart : เมนูของหวานสูตรพิเศษของทางร้าน ไอศรีมโฮมเมดเนื้อเนียนหวานนิดๆ และตามมาด้วยความหอมของทรัฟเฟิล และเสิร์ฟมาพร้อมทาร์ตครีมชีสยูสุเปรี้ยวนิดๆ ทานคู่กันแล้วลงตัวมาก
จุดเด่นของร้าน Karawa Omakase
1. บรรยากาศร้านมาในธีม HEAVEN & HELL จะเป็นการตกแต่งแบบร่วมสมัยที่แรกของไทย และยังเสิร์ฟโอมากาเสะสไตล์ Edomae แบบดั้งเดิมอีกด้วยค่ะ
2. วัตถุดิบทั้งหมดที่ทางร้านเลือกใช้เป็นวัตถุดิบพรีเมียม และต้องนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด อาทิ ปลาทูน่า อูนิ และข้าวซูชิ
3. เนื้อปลาทูน่าครีบเงิน ต้องผ่านกระบวนการบ่มไม่ต่ำกว่า 14 วัน ก่อนนำมาเสิร์ฟ เพื่อความเข้มข้นของรสชาติปลา และต้องนำเข้าจากเขียงปลา Yamayuki ซึ่งเป็นเขียงปลาที่ขึ้นชื่อว่าเทพสุดของญี่ปุ่นเท่านั้น
4. เมนู Uni Toast ทางร้านเลือกใช้อูนิ 2 สายพันธุ์ที่ดีที่สุดอย่าง Murasaki และ Bafun เพื่อให้ได้ทั้งเนื้อสัมผัสและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน
5. ทางร้านจะเลือกพันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นนำมาปรุงด้วยสูตรเฉพาะของร้าน ทำให้ข้าวมีความหอมและรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางร้าน
ข้อเสนอแนะและข้อมูลเพิ่มเติม
1. ราคาของ Karawa Omakase : First ราคา 3,500 บาท (16 courses) / Gold ราคา 5,500 บาท (18 courses) / Platinum ราคา 10,500 บาท (19 courses) และแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ดังนี้ เวลา 12.00 น. เวลา 17.00 น. และ เวลา 20.00 น.
2. สอบถาม/ สำรองที่นั่ง Line : @karawaomakase หรือ โทร. 082-924-4655 และทางร้านรับเฉพาะลูกค้าที่สำรองที่ล่วงหน้าเท่านั้น
Karawa Omakase เป็นอีกหนึ่งที่เราอยากจะแนะนำ สำหรับใครที่เป็นคนรักในการทานโอมากาเสะอยู่แล้ว หรือใครที่กำลังมองหาร้านโมากาเสะที่ไม่ซ้ำใคร เพราะร้านนี้ Karawa Omakase เค้าพร้อมที่จะมอบประสบการณ์ในการทานโอมากาเสะรูปแบบใหม่พร้อมด้วยวัตถุดิบพรีเมียมมากมาย และนอกจากนี้ก็ยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ รับรองว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ