เติมความสุขกับมื้ออาหารแสนอร่อยที่ร้าน Coffee Gallery สาขา CDC

ร้านที่มีเมนูอาหารรสชาติดีทั้งทานจริง ทานเล่น เดินทางสะดวก ภายใต้บรรยากาศการตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์น รายล้อมไปด้วยแมกไม้และสายน้ำ

 

ทำเลดี เดินทางสะดวก(สำหรับคนมีรถส่วนตัว)

Coffee Gallery ตั้งอยู่บนทำเลที่โดดเด่นในโซน E ของศูนย์การค้า CDC (Crystal Design Center) ที่อยู่บนถนนเส้นเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เดินทางสะดวกสำหรับคนมีรถส่วนตัว แต่สำหรับการเดินทางด้วยรถประจำทางจะลำบากเล็กน้อยเพราะเป็นถนนเส้นที่มีรถประจำทางวิ่งผ่านเพียงไม่กี่สาย ใช้บริการรถแท็กซี่คงจะสะดวกที่สุดสำหรับคนไม่มีรถส่วนตัว และนอกจากสาขาที่ CDC แล้ว Coffe Gallery ก็ยังมีสาขาที่ Gateway เอกมัย และที่ Siam Center ใครใกล้ที่ไหนไปที่นั่นครับ

    SPONSORED

 

บรรยากาศร้าน

ความประทับใจแรกกับทำเลของร้าน Coffe Gallery ซึ่งตั้งอยู่ในบรรยากาศที่ร่มรื่น มีทิวต้นปาล์มและไม้ดอกไม้ประดับที่อวดความสวยงามให้เห็นเป็นวิวภายนอกตัวร้านอย่างสวยงาม ล้อมรอบตัวร้านด้วยคูน้ำที่มีความกว้างพอควร ช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูร่มรื่นเย็นใจขึ้นอีกไม่น้อย ร้านเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 – 22.00 น.

 

จุดเด่นในเรื่องบรรยากาศของร้าน Coffe Gallery คือมีการแบ่งออกเป็น 3 โซนสำหรับการนั่งรับประทานอาหารทีมี่บุคลิกแตกต่างกัน โดยโซนแรกเป็นโซนหลักของร้านที่ตั้งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์สั่งอาหาร มีโต๊ะมากมายหลายไซส์ให้เลือกนั่ง จะมาเป็นคู่หรือมาเป็นกลุ่มก็หาโต๊ะเหมาะๆ นั่งได้สบายมาก โซนที่ 2 เป็นโซนเล็กๆ เงียบๆ ที่ซ่อนอยู่ทางด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์ มีโต๊ะเพียงจำนวนน้อยภายใต้บรรยากาศแสงสลัวๆ เหมาะสำหรับคู่รักที่อยากทานอาหารในบรรยากาศโรแมนติก เป็นส่วนตัว ซึ่งโซนที่ 2 นี้ถึงแม้จะดูเงียบๆ แต่ได้รับความนิยมสูงมาก ช่วงเวลาที่ผมแวะเข้าไปชิมปรากฏว่าไม่มีโต๊ะในโซนที่ 2 ว่างเลย

 

  

โซนที่ 3 นี่ถือเป็นทีเด็ดของ Coffe Gallery กับบรรยากาศมื้ออาหารแบบ Outdoor ริมน้ำ คล้ายๆ กับบรรยากาศมื้ออาหารในรีสอร์ทหรูประมาณนั้น โดยช่วงเวลาที่แวะเข้าไปชิมเป็นเวลาประมาณบ่ายโมงถึงบ่าย 2 โมงในช่วงฤดูร้อน แดดส่องลงโซน Outdoor แรงพอสมควรทำให้บรรยากาศในโซนนี้ไม่ชิลเท่าไหร่ มีลูกค้าออกไปนั่งโซน Outdoor เพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น (ในมุมที่แดดส่องไม่ถึง) คาดว่าถ้าเป็นบรรยากาศช่วงเย็นๆ ไปจนถึงช่วงปิดร้านตอนสี่ทุ่ม บรรยากาศมื้ออาหารในโซน Outdoor คงจะชิลไม่น้อยเลยทีเดียว และโซน Outdoor ยังเหมาะสำหรับลูกค้าที่อยากสูบบุหรี่แกล้มบรรยากาศมื้ออาหารอีกด้วย

 

ผมเลือกนั่งในโซนที่ 1 ซึ่งเป็นโซนหลักของร้าน ถึงแม้ว่าจะมาคนเดียวแต่ก็เลือกนั่งโต๊ะที่ใหญ่ที่สุด และเป็นมุมที่มองเห็นวิวได้สวยที่สุดในร้าน :-) (เห็นแมกไม้และสายน้ำภายนอกตัวร้านอย่างชัดเจน) สไตล์การตกแต่งร้านดูโมเดิร์นและปลอดโปร่งดี ในช่วงเวลาระหว่างมื้ออาหารที่กินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในช่วงบ่ายๆ ของวันทำงาน บรรยากาศในร้านค่อนค้างจอแจมีลูกค้าเดินเข้าออกร้านตลอดเวลา เป็นเครื่องยืนยันความ Poppular ของร้าน Coffe Gallery ได้เป็นอย่างดี โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทำงานที่มาหาอาหารอร่อยๆ ทาน บางโต๊ะก็คุยงานแกล้มไปกับบรรยากาศของมื้ออาหาร เมื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศของร้านเต็มอิ่มแล้ว ก็จัดการสั่งอาหาร 3 รายการ โดยใช้เวลารอประมาณ 15 นาที ทุกเมนูอาหารจึงจะมาเสริฟ์พร้อมที่โต๊ะ ก็ถือว่าเป็นเวลาที่กำลังดีไม่ต้องรอกันนานจนเกินไป

 

 

จุดที่ต้องขอคอมเม็นต์เกี่ยวกับบรรยากาศของร้านคือ ดูเหมือนว่าจำนวนพนักงานต้อนรับในร้านจะน้อยไปนิด ตอนแรกผมตั้งใจจะนั่งโต๊ะอีกตัวหนึ่ง แต่ปรากฏว่าโต๊ะตัวนั้นมีจานที่ใช้งานแล้วของลูกค้าคนก่อนวางค้างไว้บนโต๊ะ และก็ใช้เวลาอีกนานกว่าจะมีพนักงานมาทำความสะอาดโต๊ะนั้น เลยต้องเปลี่ยนใจมานั่งโต๊ะตัวที่ใหญ่สุดในร้านแทน อีกเรื่องหนึ่งคือในร้านเปิดแอร์ไม่เย็นอย่างที่ควรจะเป็น (รู้สึกแอบร้อนในบางช่วง) และการเปิดเพลงสากลเบาๆ ขับกล่อมบรรยากาศในร้าน ก็เพิ่งจะมาเปิดเอาเมื่อตอนทานอาหารเกือบจะหมดแล้ว (ทำไมไม่เปิดตั้งแต่แรก) ครั้นจะนั่งอยู่ต่อเพื่อฟังเพลงก็เกรงใจทางร้าน

รูปแบบของการประเมิน

คะแนน

การตกแต่งสถานที่

4.5

ทำเลที่ตั้ง

4

ความสะอาดของสถานที่

3.5

สิ่งอำนวยความสะดวก

3.5

การบริการ

3

ความบันเทิง

3

ช่วงเวลาเปิดบริการ

4

คะแนนเฉลี่ย

3.64

 


 

ลองชิ้มเมนูโปรดในดวงใจ

มื้อนี้ผมสั่งมาลองชิม 3 เมนู ได้แก่ Waffle Benedict เป็นจานหลัก, Blueberry Cheesecake ของทานเล่น และเครื่องดื่มเย็นๆ อย่าง White Chocolate Frappe โดยรวมแล้วต้องบอกว่าอาหารของ Coffee Gallery รสชาติดี แต่ราคาแรงไปนิด รายละเอียดของแต่ละเมนูเป็นอย่างไร เชิญติดตามครับ

 


 

Waffle Benedict [ราคา 175 บาท]

จานหลักของมื้อถูกจัดเตรียมมาอย่างสวยงามในรูปโฉมของไข่ดาวน้ำที่ผ่านกรรมวิธีการประกอบอาหารแบบพิเศษ (Egg benedict) ราดไข่ดาวด้วยซีสครีมซอส โรยหน้าด้วยพริกป่นสีแดงบางๆ ช่วยเพิ่มสีสันให้เมนูนี้ดูร้อนแรงขึ้นอีกไม่น้อย รองด้านใต้ไข่ดาวด้วยแผ่นเบค่อนทรงจัตุรัส แล้วประกบบนประกบล่างด้วยชิ้น Waffle หนานุ่ม เป็นเมนูที่หน้าตาดี และดูน่ากินไม่น้อย

 

ความประทับใจแรกเกิดขึ้นเมื่อกดมีดลงไปเบาๆ บนแผ่น Waffle ก็ปรากฏว่าไข่แดงไหลออกมาให้เซอร์ไพรส์ (ทีแรกนึกว่าไข่แดงถูกปรุงมาแบบสุก) ทำให้เมื่อกินเสร็จก็ต้องมาหาข้อมูลเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับวิธีการทำ Egg Benedict ก็พบว่าคล้ายการทำไข่น้ำแบบไทยๆ แต่วิธีการซับซ้อนกว่า โดยในส่วนของไข่ขาวนั้นมีรสชาติเค็มอ่อนๆ ให้ได้สัมผัส และพริกป่นสีแดงที่โรยมาจางๆ บนซีสครีมซอสนั้นไม่แสดงรสเพ็ดแต่อย่างใด เป็นแค่เพียงตัวแต่งแต้มสีสันให้เมนูอาหารเท่านั้น ผู้ชิมลองลิ้มรสอาหารของเมนูนี้โดยไม่ใส่เครื่องปรุงรสใด เพราะต้องการสัมผัสกับรสอย่างเป็นธรรมชาติของเมนูนี้ ปรากฏว่าเป็นเมนูอาหารที่รสชาติกลมกล่อมกินง่าย ที่โดดเด่นและเป็นพระเอกของเมนูนี้ต้องยกให้ความหนานุ่มของ Waffle ที่เมื่อสัมผัสกับลิ้นก็ให้รสชาติหวานหอมอ่อนๆ น่าประทับใจ ส่งเมนูนี้โดดเด่นขึ้นมา

รูปแบบของการประเมิน

คะแนน

รสชาติอาหาร

4.5

รสชาตเครื่องเคียง

-

คุณภาพวัตถุดิบ

4

การตกแต่งอาหาร

4

ความสะอาด

4.5

ปริมาณอาหาร

3.5

กลิ่นอาหาร

4

ราคาอาหาร

3

โปรโมชั่น

2.5

คะแนนเฉลี่ย

3.75

 

 


Blueberry Cheesecake [ราคา 125 บาท]

มาต่อด้วยของทานเล่นประจำมื้อนี้อย่าง Blueberry Cheesecake ที่เสิร์ฟพร้อมส้อมเล็กๆ น่ารัก 1 คัน รังสรรค์รสชาติออกมาได้ดีตามมาตรฐานของความเป็น Blueberry Chesecake (รสชาติดี แต่ไม่ถึงกับทำให้ประทับใจ) ทาหน้าเค้กด้วยแยมสีม่วงมีลูก Blueberry เล็กๆ น่ารักให้เห็น ความประทับใจเล็กๆ ในเมนูนี้คือชั้นฐานรองด้านล่างสุดของชิ้นเค้กที่ทำมาจากชิ้นเคร็กเกอร์บด ถูกบดมาได้แน่นดี เมื่อใช้ช้อนตักเค้กแล้วชั้นของเคร็กเกอร์ไม่หลุดร่วงเกลื่อนจาน แต่เมื่ออยู่ในปากแล้วใช้เพียงลิ้นแตะเบาๆ ชั้นแคร็กเกอร์บดก็ร่วนละเอียดอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกเคี้ยว

รูปแบบของการประเมิน

คะแนน

รสชาติอาหาร

3

รสชาตเครื่องเคียง

-

คุณภาพวัตถุดิบ

4

การตกแต่งอาหาร

3.5

ความสะอาด

4.5

ปริมาณอาหาร

2.5

กลิ่นอาหาร

3

ราคาอาหาร

3

โปรโมชั่น

2.5

คะแนนเฉลี่ย

3.25

 

 


White Chocolate Frappe [แก้วไซส์ M ราคา 125 บาท]

ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ดับร้อนอย่าง White Chocolate Frappe เครื่องดื่มปั่นเย็นสีสันน่ากิน สัมผัสได้ถึงรสหวานและกลิ่นหอมอ่อนๆ ในทุกครั้งที่จิบ เป็นรสชาติที่น่าประทับใจมาก อีกทั้งเกล็ดน้ำแข็งผ่านการปั่นมาอย่างละเอียด ดื่มได้อย่างนุ่มนวลคล่องคอ ไม่มีเกล็ดน้ำแข็งชิ้นใหญ่ๆ หยาบๆ มากวนใจ สรุปว่าตัดได้สินใจถูกต้องที่สั่ง White Chocolate Frappe มาร่วม Set ในมื้ออาหารนี้ ช่วยเพิ่มความรื่นรมย์ให้กับมื้ออาหารได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

รูปแบบของการประเมิน

คะแนน

รสชาติอาหาร

4.5

รสชาตเครื่องเคียง

-

คุณภาพวัตถุดิบ

4

การตกแต่งอาหาร

3

ความสะอาด

4.5

ปริมาณอาหาร

2.5

กลิ่นอาหาร

4

ราคาอาหาร

3

โปรโมชั่น

2.5

คะแนนเฉลี่ย

3.5

นอกจากจะมีอาหารสไตล์ตะวันตกแล้ว ก็ยังเมนูไทยๆ และเมนูสไตล์ตะวันออกอย่างข้าวไก่ทอดราดแกงกระหรี่ และต้มยำกุ้งให้ได้ลองลิ้มชิมรสกันด้วย

จบมื้อนี้ก็อร่อยและอิ่มแบบพอดีๆ มีพลังไปสร้างสรรค์อะไรดีๆ ได้อีกเพียบ ใครที่อยู่แถวลาดพร้าว รามอินทรา แล้วอยากทานอาหารอร่อยๆ ในบรรยากาศดีๆ อย่าลืมร้าน Coffe Gellary สาขา  CDC นะครับ

เขียนโดย
-
จำนวนบทความที่รีวิว : 1
วันที่เขียนรีวิว : 2015/06/17
0.00 - 0.00 บาท
Rating Distribution
รสชาติอาหาร
3.00
การบริการ
3.00
ตกแต่งสถานที่
4.00
ราคาเหมาะสม
3.00
แผนที่ร้าน คอฟฟี่ แกลเลอลี่
ที่อยู่ :
เบอร์ติดต่อ :
-
ช่วงเวลา :
-
ช่วงราคา :
0.00 - 0.00 บาท
ที่จอดรถ :
ไม่มี
รับบัตรเครดิต :
ไม่มี
รับจองล่วงหน้า :
ไม่มี

TOP