รีวิว NANA Coffee Roasters ร้านที่เสิร์ฟ Coffee คู่กับ Story ให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มอิ่มทั้งรสชาติและเรื่องราวของกาแฟ
ถ้าจะให้แนะนำร้านกาแฟสักหนึ่งร้านหลายๆ คนก็คงจะคิดว่าเลือกร้านไหนดีนะ เอาร้านที่บรรยากาศดีหรือจะเอาร้านที่เน้นกาแฟที่มีเรื่องเล่าดีนะ แต่สำหรับวันนี้ไม่ต้องเลือกเลยค่ะ เพราะ ryoiireview มีอีกหนึ่งร้านที่เน้น "เสิร์ฟกาแฟคู่กับ Story" และร้านที่เรากำลังจะพาไปชมนั้นก็คือ… NANA Coffee Roaster สาขาบางนานั่นเองค่ะ
NANA Coffee Roaster สาขาบางนา สำหรับที่นี่ต้องบอกเลยว่าเป็นร้าน Specialty Coffee ที่ไม่ควรพลาด! และในส่วนของการตกแต่งร้านสาขานี้ก็จะค่อนข้างแตกต่างกับสาขาอื่นๆ ของ NANA Coffee Roaster โดยจะเน้นเป็นอาคารสีขาวที่ผสมผสานกับสีเขียวสดของต้นไม้ทั้งเล็กและใหญ่ได้อย่างลงตัวค่ะ
การเดินทาง
แผนที่ร้าน NANA Coffee Roaster สาขาบางนา
ร้าน NANA Coffee Roaster เปิดบริการอยู่ที่ 92 ทางคู่ขนาน ถนนบางนา-ตราด แขวง บางนา เขตบางนา จุดสังเกตง่ายๆ ร้านจะตั้งอยู่ริมถนนใหญ่บางนาตราด กม.1 ถ้าเห็นปั๊ม ESSO อยู่ทางด้านซ้ายมือก็เตรียมตัวตบไฟเลี้ยวได้เลยค่ะ เพราะอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงร้าน NANA Coffee Roaster สาขาบางนาแล้วค่ะ
บรรยากาศร้าน
ถ้าเจอกำแพงสีขาวและป้ายชื่อ NANA แบบนี้ก็แสดงว่ามาถึงแล้ว หากนำรถมาสามารถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถบริเวณด้านหลังของทางร้านได้เลยค่ะ
จอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินตามทางเข้าของร้านมาเรื่อยๆ สำหรับที่นี่จะโดดเด่นด้วยการใช้ต้นไม้สีเขียวสดใสทั้งต้นเล็ก-ต้นใหญ่ เรียกได้ว่าให้ความชุ่มชื่นกันอย่างเต็มที่ในทุกๆ มุมของร้าน
ในส่วนของอาคารทั้งหมดของร้าน NANA Coffee Roasters สาขานี้จะถูกออกแบบมาให้มีความเชื่อมโยงกันด้วยรูปลักษณ์ทรงเหลี่ยมและการใช้สีที่เน้นเป็นสีขาวเรียบๆ มองแล้วสบายตามาก ถือเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเลย
NANA Coffee Roasters สาขาบางนา จะถูกแบ่งออกเป็นสามโซนด้วยกัน คือ Speed Bar, Slow Bar และ Tea Bar
Slow Bar
เมื่อเดินเข้ามาโซนแรกที่เจอก็คือโซน Slow Bar ที่แบ่งออกมา ถือเป็นห้องเล็กๆ ที่เหมาะกับการพูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวของกาแฟ หรือเรื่องราวต่างๆ ระหว่างชมการชงกาแฟไปด้วย เมื่อเข้ามาในห้องนี้ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองการทานกาแฟที่ชงด้วยเครื่องไซฟอน หรือการชงกาแฟด้วยสูญญากาศ สำหรับที่ NANA Coffee Roasters ก็มีดีกรีแชมป์ถึง “Siphon World Champion 2018” เลยค่ะ
คุณพี (บาริสต้าประจำสาขาบางนา)
Speed Bar - Tea Bar
และห้องที่อยู่ฝั่งขวามือถัดมาก็คือโซน Speed Bar และ Tea Bar นั่นเองค่ะ สำหรับที่นี่ลูกค้าก็จะมารถสอบถามเรื่องราวของเมล็ดกาแฟและเลือกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ต่างๆ ของทางร้านได้เช่นเดียวกัน โดยที่ร้าน NANA จะมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลายสายพันธุ์ และจะสลับหมุนเวียนไปมาเรื่อยๆ เช่น Kenya, Ethiopia, Colombia และ Brazil ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับใครที่เลือกไม่ถูกเราขอแนะนำให้ลองเป็นตัว House Blend ที่เป็นสูตรลับของ NANA Coffee Roasters นั่นเองค่ะ และนอกจากมุมกาแฟแล้วที่นี้ก็ยังมีตู้เค้กที่บอกเลยว่าน่าทานมากกก แถมยังเป็นสูตรของทางร้านเองอีกด้วย
สามารถนั่งชมการทำกาแฟได้อย่างเพลิดเพลินเลยค่ะ
สำหรับใครที่ไม่ทานกาแฟ NANA Coffee Roasters เค้าก็จะมีเมนู Non-Coffee ให้ได้เลือกทานกัน อาทิเมนูชาต่างๆ ที่เป็น Special Blend อย่าง House Of Magic และ Jardin Des Fleurs นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอื่นๆ เช่น ช็อกโกแลต และชาเขียว
ถ้าคุณไม่ทานกาแฟมุมนี้แหละเหมาะที่สุด มุม Tea Bar จะเสิร์ฟเมนูชาต่างๆ ที่ทางร้านคัดสรรมาแล้วว่าดีจริง แถมที่ร้าน NANA Coffee Roaster เค้าก็มีเมนูที่น่าลองอย่าง Nitro Tea อีกด้วยค่ะ
มุมนั่งทานกาแฟ
ถ้าสั่งกาแฟและเลือกของหวานเรียบร้อยแล้ว อยากจะหาที่นั่งชิลล์ๆ แสงดีและถ่ายรูปสวยก็สามารถเดินเลี้ยวมาทางซ้ายมือได้เลยค่ะ เพราะโซนนี้จะเป็นโซนที่นั่งสำหรับลูกค้าที่ไม่อยากนั่งตรงบาร์ บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก
สามารถเลือกนั่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ และถ้าไม่อยากนั่งในห้องแอร์ ทางร้านก็ยังมีโซนที่นั่งแบบ Outdoor ไว้บริการตามจุดต่างๆ ร่มรื่นมากค่ะ :)
" NANA Coffee Roasters "
NANA Coffee Roasters ร้านกาแฟที่เป็น Specialty Coffee หรือกาแฟที่คัดสรรที่เริ่มวัดกันตั้งแต่เมล็ดกาแฟ กระบวนการต่างๆ ทั้งการคั่ว บด สกัด ชง และปรุง ซึ่งต้องได้รับคะแนน 80 คะแนน จากเหล่านักชิมผู้เชี่ยวชาญ Cupper หรือ Q Grader นั่นเองค่ะ
ที่นี่เค้ามีคอนเซ็ปท์ว่า “Coffee ที่เสิร์ฟคู่ Story” แน่นอนว่าถ้าคุณกำลังมองหาร้านที่เสิร์ฟกาแฟพร้อมกับเรื่องราวแล้วล่ะก็ ที่ NANA เค้ามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกาแฟมากมาย เริ่มต้นตั้งแต่ Process การเพาะปลูก การคั่ว ตลอดไปจนถึงการดื่ม หากมาที่ร้านแล้วมีข้อสงสัยอะไร ก็สามารถสอบถามกับบาริสต้าได้ทุกคนเลย สำหรับเมนูของแต่ละสาขาก็ค่อนข้างที่จะคล้ายกัน จะแบ่งออกเป็นเมนู Coffee, Non-Coffee, เบเกอรี และยังเมนูอาหารแบบ All-Day Brunch อีกด้วย โดยเมนูของเราในวันนี้ก็เรียกได้ว่ามีครบทุกอย่างที่เป็นทั้ง Signature และเป็นทั้งเมนูขายดีแต่ละเมนูน่าทานมากกก
เมนูและราคา
Dirty ราคา 150 บาท
เริ่มต้นกันที่เมนูเบาๆ กับ “Dirty” เมนูกาแฟที่เป็นกาแฟช็อตสกัดเอาน้ำมันกาแฟออกมา (ในวันที่เราไปทางร้านใช้เป็น Brazil Blend ค่ะ) เทลงบนนมที่นำไปแช่เย็นในอุณหภูมิ 2-4 องศา เรียกได้ว่าสามารถทานได้ทันทีแบบไม่ต้องใส่น้ำแข็งค่ะ เมื่อทานรวมๆ แล้วจะมีทั้งความมันความหอมของนมและกาแฟ ดื่มเพลินมาก
Nitro Coffee ราคา 250 บาท
Nitro Coffee เมนูนี้ถือเป็นกาแฟไนโตรที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์มากๆ ค่ะ เริ่มต้นกันที่เนื้อโฟมที่เนียนและนุ่มทานแล้วจะคล้ายๆ เบียร์ตามด้วยกาแฟที่มีกลิ่นและรสชาติหลากหลายมากๆ ทั้ง Floral, Fruity, Rum & Whiskey ส่วนตัวชอบแก้วนี้มากๆ ค่ะ ><
Signature Kanda ราคา 250 บาท
แก้วนี้เค้าว่ากันว่าเป็นแก้วที่มีกระบวนการทำซับซ้อนแต่ดื่มง่าย “Signature Kanda” ที่มีส่วนผสมเป็นชาผลไม้สกัดเย็นมากกว่า 14 ชั่วโมง จะมีทั้งกลิ่นหอมของกุหลาบ ตะไคร้ และส้ม ท็อปด้วยกาแฟไนโตร เมื่อทานแล้วจะมีรสเปรี้ยวอมหวานบวกกับความขมของกาแฟนิดๆ ถือเป็นแก้วที่มีรสชาติซับซ้อนแต่ลงตัวที่สุดอีกหนึ่งแก้วค่ะ
► สำหรับเมนู Signature Kanda ออกแบบโดย คุณกานดา โทจำปา แชมป์บาริสต้าจากหลายเวที แถมยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นเฮดบาริสต้า NANA Coffee Roasters
Wake Up ราคา 180 บาท
“Wake Up” แค่ฟังชื่อเมนูก็รู้สึกตื่นแล้วใช่มั้ยคะ สำหรับเมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูที่เรียกความสดชื่นกลับสู่ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เริ่มต้นที่การเลือกใช้เมล็ดกาแฟ House Blend ที่จะให้ความหอมและรสชาติแบบ Fruity เมื่อนำมาผสมกับน้ำส้มยูซุที่จะมีความเปรี้ยวอมหวานและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ทานแล้วรู้สึกเฟรชขึ้นมาเลยค่ะ
Opera Cake ราคา 200 บาท
“Opera Cake” สำหรับใครที่ชอบทานช็อกโกแลตเป็นชีวิตจิตใจต้องบอกเลยว่าเมนูนี้ไม่ควรพลาด! เค้กสัญชาติฝรั่งเศส 7 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะมีความพิเศษที่แตกต่างกันไป สำหรับเนื้อเค้กทางร้านจะเลือกใช้เป็น Almond Sponge นำไปแช่ในกาแฟจนกาแฟซึมเข้าเนื้อเค้กเวลาทานแล้วจะมีความฉ่ำมากกกก ตามด้วยชั้นของช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้น ต่อด้วยชั้นของบัตเตอร์ครีมกาแฟและสลับกันไปเรื่อยๆ จนจบชั้นบนสุดก็คือ Chocolate Glaze นั่นเองค่ะ
ทานแล้วจะมีทั้งความหอมและขมนิดๆ ของกาแฟและช็อกโกแลตจะไม่หวานมาก เรียกได้ว่าทานแต่ละคำรสชาติจะไม่ซ้ำกันเลยสมกับชื่อเค้กที่ Opera Cake ที่สุด
Rhubarb Cake ราคา 200 บาท
เมนูเค้กที่จัดว่าเป็นเมนู Signature ของที่นี่ สำหรับรูบาร์บเค้กจะท็อปมาด้วยถั่วพีแคนทานพร้อมกับตัวคัสตาร์ดครีมและผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนิดๆ เมื่อทานแล้วสัมผัสแรกของเมนูนี้ก็คือ ตัวเค้กจะนุ่มๆ หนึบๆ และหวานน้อย จะมีทั้งความหอมของกลิ่นซินนามอนและวนิลลา ทานพร้อมกับตัวคัสตาร์ดครีมเนื้อเนียนรสชาติหวานน้อยและครีมมี่สุดๆ เข้ากันมากกกก
ทานพร้อมกับตัวคัสตาร์ดครีมเนื้อเนียน
Nana Burgers ราคา 250 บาท
เมนูเบอร์เกอร์แป้งนุ่มขนาดพอเหมาะที่มีให้เลือกทานทั้งไส้ Hamburg เนื้อนุ่มทานเพลินมาก และไส้เห็ดหอมที่อมน้ำมันทรัฟเฟิล เมื่อทานแล้วบอกเลยว่าหอมกลิ่นทรัฟเฟิลมากๆ และแถมยังมีสับปะรดย่างมาตัดรสได้ดีเลยค่ะ
Egg Benedict ราคา 350 บาท
มาถึงเมนูอาหารที่ใครหลายๆ คนโปรดปรานกันบ้างค่ะ “Egg Benedict” จะเสิร์ฟมาทั้ง 2 แบบคือตัว Poach Eggs ที่วางมาบนขนมปังอิงลิชมัฟฟินและตบท้ายด้วยซอสฮอลแลนเดซสีเหลืองสดที่จะมีรสเค็ม เปรี้ยว และมันนิดๆ เมื่อทานรวมแล้วรสชาติไปด้วยกันได้ดีมาก และอีกตัวก็คือ Smoked Salmon ที่มีความหอมเฉพาะตัวตามด้วยความเค็มนิดๆ ตัดรสด้วยความเปรี้ยวจากเคเปอร์ดอง (หากลูกค้าไม่ทานแซลมอนสด สามารถสั่งเป็นแบบเบิร์นไฟเพิ่มความหอมได้) เมื่อทานครบแล้วก็อย่าลืมปิดท้ายด้วยมิกซ์สลัดด้วยน๊าา
สำหรับใครที่ทานกาแฟของนี่แล้วติดใจในกลิ่นและรสชาติก็สามารถเดินมาเลือกซื้อเมล็ดกาแฟของทางร้านกลับไปทำทานเองที่บ้านได้อีกด้วยค่ะ และเพื่อการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้มาลองดมกลิ่นกาแฟตรงมุมก่อนซื้อได้เลยค่ะ
สรุปรสชาติอาหาร
Dirty : ทางร้านเลือกใช้กาแฟช็อตที่สกัดเอาเฉพาะน้ำมันกาแฟจะทำให้ได้ความหอมที่มากยิ่งขึ้น เมื่อทานพร้อมกับนมที่มีความเย็นจัดก็จะยิ่งเข้ากัน มีทั้งรสชาติความขมของกาแฟและความหอมของนมแบบมันๆ นวลๆ
Nitro Coffee : สำหรับ Nitro Coffee ของที่นี่ทานแล้วรสชาติจะมีความเปรี้ยวนิดๆ เพราะทางร้านจะคัดสรรกาแฟที่มีกลิ่นและรสหลากหลายทั้ง Floral, Fruity, Rum & Whiskey ถือเป็นรสชาติที่ซับซ้อนแต่ลงตัวมาก
Signature Kanda : ในแก้วนี้จะมีส่วนผสมทั้งชาผลไม้สกัดเย็นและกาแฟไนโตร ทำให้เวลาทานจะรู้สึกสดชื่นจากรสชาติเปรี้ยวอมหวานและความหอมความขมนิดๆ ของกาแฟ
Opera Cake : เค้กสัญชาติฝรั่งเศษ 7 ชั้น ที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเข้มข้นและกาแฟ ตัวเนื้อเค้กชั้นแรกจะเป็น Almond Sponge ทีมีความความชุ่มฉ่ำของกาแฟ วางสลับกับชั้นของช็อกโกแลตและบัตเตอร์ครีมกาแฟ จนถึงชั้นสุดท้ายที่เป็น Chocolate Glaze ทานแล้วจะได้รับทั้งความหวานและขมนิดๆ แบบลงตัว ตามด้วยกลิ่นหอมที่แทรกอยู่ในทุกคำที่ทาน ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดค่ะ
Rhubarb Cake : เค้กรูบาร์บเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ทานแล้วเนื้อเค้กจะมีความนุ่มและหนึบ หวานน้อย เมื่อทานคู่กับคัสตาร์ดครีมก็จะเพิ่มความหวานละมุนขึ้น แนะนำให้ทานพร้อมถั่วพีแคนที่ท็อปมาด้านบน รสชาติจะลงตัวมากขึ้นค่ะ
Egg Benedict : เมนูนี้มีให้ทั้งตัว Egg Benedict วางมาบนขนมปังอิงลิชมัฟฟินราดด้วยซอสฮอลแลนเดซที่จะมีทั้งความเปรี้ยวเค็มและมันนวลๆ อีกหนึ่งชิ้นที่วางคู่กันกันมาก็คือแซลมอนรมควันที่จะมีรสเค็มนิดๆ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวเมื่อทานพร้อมกับเคเปอร์ที่วางมาด้านบนจะมีทั้งรสเปรี้ยว มัน เค็ม เข้ากันดีมาก
Nana Burgers : เบอร์เกอร์ขนมปังนมสดแป้งนุ่มกำลังดีสำหรับเมนูนี้หนึ่งชิ้นจะเป็นไส้แฮมเบิร์ก และอีกหนึ่งชิ้นจะเป็นไส้เห็ดหอมที่อมน้ำมันทรัฟเฟิล ทานแล้วจะมีความหอมของทรัฟเฟิลมาก และตัดรสด้วยสับปะรดย่างที่มีความเปรี้ยวอมหวานเข้ากันดีเลยค่ะ
การประเมินและให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.20 |
บรรยากาศ |
4.15 |
ความคุ้มค่า |
4.00 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.116 |
จุดเด่นของร้าน NANA Coffee Roasters สาขาบางนา
1. เมล็ดกาแฟ House Blend ที่เป็นสูตรลับของ NANA Coffee Roasters จะมีกลิ่นของ Fruity และ Floral รสชาติดีมาก
2. Nitro Coffee ของร้าน NANA Coffee Roasters จะมีความหอมที่เป็นเอกลักษ์ ทานแล้วจะมีทั้งกลิ่นของ Floral, Fruity, Rum & Whiskey ถือเป็นความซับซ้อนที่ลงตัว
3. Signature Kanda เป็นเมนูที่ผสมผสานระหว่าง Nitro Coffee และชาผลไม้สกัดเย็น ซึ่งเป็นเมนูที่ออกแบบโดย คุณกานดา โทจำปา แชมป์บาริสต้าจากหลายเวที เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นเฮดบาริสต้า NANA Coffee Roasters
4. Opera Cake เค้กสัญชาติฝรั่งเศษ 7 ชั้น ที่มีทั้งส่วนผสมของช็อกโกแลตเข้มข้นและกาแฟ ทานแล้วรสชาติจะไม่ซ้ำกันสักคำ
5. Rhubarb Cake เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านและเป็นเมนูที่หาทานได้ยาก เป็นการใช้รูบาร์บผสมกับเนื้อเค้กจนละเอียดตัวเค้กมีความนุ่มหนึบและไม่หวานมาก เมื่อทานพร้อมกับคัสตาร์ดครีมก็จะเพิ่มความหวานละมุนขึ้น
6. การตกแต่งร้านสาขาบางนาตัวอาคารจะถูกออกแบบมาให้มีความเชื่อมโยงกันด้วยรูปลักษณ์ทรงเหลี่ยม และการใช้สีที่เน้นเป็นสีขาวเรียบๆ เมื่อมาอยู่รวมกันกับสีเขียวของต้นไม้จะทำให้เวลามองแล้วสบายตา ถือเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะ
1. NANA Coffee Roasters สาขาบางนา เปิดบริการทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 07.00-17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-17.30 น.
2. NANA Coffee Roasters มีทั้งหมด 3 สาขา คือสาขา Niche3 (เลียบด่วน), สาขาอารีย์ และสาขาบางนา
สำหรับร้าน NANA Coffee Roasters ที่ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่จะเสิร์ฟ "Coffee คู่ Story" ให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มอิ่มทั้งรสชาติ และเรื่องราวของกาแฟที่คิดค้นและเสิร์ฟความอร่อยแบบแก้วต่อแก้ว ด้วยดีกรีแชมป์โลกจาก Nana Coffee Roasters ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาดค่ะ :)
วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 08.00-17.00 น.
