กุยช่ายอาแปะเจ้าเก่า ร้านกุยช่ายทอดเตาถ่านคิวยาว สูตรลับตอกไข่ตำนาน 40 กว่าปี พิกัดถนนบรรทัดทอง จุฬาซอย 6
"ร้อยรสร้อยลิ้นร้อยรสชาติ ใส่ไข่อร่อยไหม ลิ้นตัวเองต้องลอง กรอบอร่อยไหม ก็ต้องลอง ของทุกอย่างถ้ามันธรรมชาติก็อร่อยหมด"
"เมื่อก่อนอร่อยยังไง ยังไม่อร่อยเท่าเดี๋ยวนี้"
ป้าป้อม มือทอดกุยช่าย ร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่า
SPONSORED
คำพูดเชิญชวนให้ลองชิมกุยช่ายอย่างแข็งขันของ ‘ป้าป้อม’ ผู้เป็นเจ้าของร้านและมือทอดร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่า ร้านสตรีทฟู้ดย่านจุฬาในตำนาน 40 กว่าปี ที่มาพร้อมสูตรลับกุยช่ายตอกไข่ ร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่านั้นเป็นร้านรถเข็นเล็กๆ แต่รายล้อมด้วยลูกค้าที่ต่อคิวยาวในย่านจุฬา ที่ถ้าหากใครมาถึงร้านก็อาจจะต้องอาศัยความใจเย็น เพราะกุยช่ายของที่นี่เป็นกุยช่ายทอดเตาถ่าน
กุยช่ายอาแปะเจ้าเก่า ร้านกุยช่ายทอดเตาถ่านคิวยาว สูตรลับตอกไข่ตำนาน 40 กว่าปี
ร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่าจะตั้งอยู่ที่บริเวณริมถนนบรรทัดทอง จุฬาซอย 6 เมื่อมาถึงร้านก็จะเจอกับร้านรถเข็นเล็กๆ ดูแลโดยป้าป้อมที่ยืนทอดกุยช่ายพร้อมพูดคุยกับลูกค้าอย่างกระฉับกระเฉง คอยต้อนรับลูกค้าทุกคนอย่างเอาใจใส่ทั้งลูกค้าขาจรและลูกค้าประจำ
"ตอนเด็กๆ เตี่ยจะเข็นรถไปเรื่อยๆ เริ่มต้นขายครั้งแรกสูตรเดียวคือ แบบกลม สูตรใส่ไข่นี่เอาจริงๆ บ้านเราพี่น้องเยอะ เตี่ยทำให้ลูกกิน ขายเหลือกลับมาแล้วหั่นๆ รวมใส่ไข่ใส่ถั่วงอก แบบนัวๆ เมื่อก่อนอร่อยยังไง ยังไม่อร่อยเท่าเดี๋ยวนี้"
ป้าป้อมได้เล่าให้ฟังถึงที่มาของร้านตั้งแต่ช่วงแรก ซึ่งผ่านมา 40 กว่าปีแล้ว กุยช่ายของที่ร้านเริ่มขายตั้งแต่ชิ้นละ 2 บาท 3 ชิ้น 5 บาท จนปัจจุบันอยู่ที่ชิ้นละ 10 บาท ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีจะเป็นร้านของอาแปะ จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน 'กุยช่ายอาแปะเจ้าเก่า'
ส่วนป้าป้อมนั้นป็นมือทอดรุ่นที่ 2 แต่การเตรียมกุยช่ายตั้งแต่ขั้นตอนการปั้น และการทำไส้จะเป็นหน้าที่ 'ป้าเปิ้ล' พี่สาวของป้าป้อม ในตอนแรกนั้นกุยช่ายของที่ร้านจะมีเพียงแบบกลมแบบเดียว แต่ได้เพิ่มกุยช่ายแบบเหลี่ยมและกุยช่ายตอกไข่ในภายหลัง โดยมีการพลิกแพลงสูตรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้สูตรที่ลงตัวตามแบบฉบับร้านอาแปะ การันตีความอร่อยที่มากขึ้นด้วยคิวยาวๆ ที่หน้าร้าน
กุยช่ายทางร้านนั้นจะมีจุดเด่นอยู่ตรงที่มีกรรมวิธีการทำที่สดใหม่วันต่อวัน เพราะป้าป้อมและป้าเปิ้ลจะเริ่มต้นทำกันตั้งแต่ตี 2 เพื่อออกมาขายในช่วงเที่ยง ในส่วนของผักกุยช่ายก็มีการคัดเลือกอย่างดี โดยจะเลือกเฉพาะกุยช่ายที่ใบไม่เหลือง แกนกลางไม่แข็ง และนำมาทำความสะอาดอย่างดีก่อนมาทำเป็นไส้ เช่นเดียวกับตัวน้ำจิ้มที่ต้องเคี่ยว และปั่นพริกสดใหม่ทุกวันเท่านั้น ถ้าหากเย็นวันไหนที่ขายไม่หมด จะไม่นำมาขายซ้ำ
สำหรับตัวกุยช่ายจะมีให้เลือกทาน 2 แบบ 3 ไส้ แบบที่ 1 คือ แบบกลมมีให้เลือกทานถึง 3 ไส้ คือ ไส้กุยช่าย, ไส้เผือก และไส้หน่อไม้ แบบกลมจะเหมาะสำหรับใครที่เน้นทานแบบกรอบนอกนุ่มใน ไส้แน่นๆ ส่วนแบบที่ 2 คือ แบบเหลี่ยม 1 ไส้ คือ ไส้กุยช่าย แบบเหลี่ยมจะเป็นแป้งผสมกับกุยช่ายโดยตรง เน้นทานแบบกรอบๆ ซึ่งในการทอดแต่ละครั้งจะไม่มีการใช้น้ำมันซ้ำ
มีให้เลือกทานทั้งแบบกลม และแบบเหลี่ยม
กุยช่ายของที่ร้านจะมีราคาอยู่ที่ชิ้นละ 10 บาท เริ่มต้นขายที่ 40 บาท เสิร์ฟใส่ภาชนะกระทงใบตอง โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะทานแบบไหน หรือจะผสมเหลี่ยมคู่กับกลมก็มีให้เลือก แต่เมนูพิเศษที่เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าหลายคน ก็ต้องยกให้กุยช่ายตอกไข่ (เพิ่ม 10 บาท) โดยจะมีให้เลือกทาน 2 ราคา คือ กุยช่าย 3 ชิ้น + ตอกไข่ ราคา 40 บาท และกุยช่าย 4 ชิ้น + ตอกไข่ ราคา 50 บาท ทานคู่กับน้ำจิ้ม 2 รสชาติ คือแบบหวานและแบบเปรี้ยว
กุยช่ายเสิร์ฟใส่กระทงใบตอง
เริ่มต้นกันด้วยเมนูแนะนำของทางร้านอย่าง กุยช่ายตอกไข่ กระทงละ 50 บาท กระทงนี้จะรวมมิตรกุยช่ายทั้งกลมและเหลี่ยม ครบทุกไส้ทั้งผักกุยช่ายเหลี่ยม, ผักกุยช่ายกลม, หน่อไม้ และเผือก คลุกเคล้าให้เข้ากับไข่ไก่เบอร์ 1 ที่มีขนาดใหญ่ เมื่อทานแล้วจะได้เนื้อไข่ และความหอมของไข่แบบเต็มคำ
กุยช่ายตอกไข่ เมนูแนะนำของที่ร้าน 50 บาท
ใช้ไข่ไก่ เบอร์ 1 การันตีความใหญ่และคุ้มค่า
และอีกหนึ่งเมนูขวัญใจลูกค้าร้านกุยช่ายอาแปะ สำหรับกระทงนี้จะเป็นกุยช่ายเหลี่ยมล้วน กระทงละ 40 บาท ตัวกุยช่ายเหลี่ยมจะมีความกรอบมาก โดยทางร้านจะหั่นชิ้นกำลังพอดีคำ ทานคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสเปรี้ยวหวาน รับรองว่าอร่อยถูกใจคนชอบกุยช่าย
กุยช่ายแบบเหลี่ยม ทานแล้วจะได้สัมผัสกรุบกรอบแบบเต็มคำ 40 บาท
ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวหวาน
"ร้อยรสร้อยลิ้นร้อยรสชาติ ใส่ไข่อร่อยไหม ลิ้นตัวเองต้องลอง กรอบอร่อยไหมก็ต้องลอง ของทุกอย่างถ้ามันธรรมชาติก็อร่อยหมด"
"เคล็ดลับเราก็คือเตาถ่าน และใจเย็นเวลาทอด เรารีบทอดไม่ได้ มันอยู่ที่ว่าเราใส่ใจทำด้วย ถ้าเราไม่ใส่ใจทำ ซี้ซั้วไปเอาเร็วๆ แบบนี้ไม่ได้ ลูกค้าจะไม่กลับมา"
และอีกหนึ่งเคล็ดลับความอร่อยที่ป้าป้อมนำเสนอนอกเหนือจากความใส่ใจ นั่นคือก็กรรมวิธีการทอดที่ทางร้านเลือกใช้เตาถ่านแบบโบราณ เพราะเมื่อทานแล้วจะได้กุยช่ายที่มีกลิ่นหอมตามสไตล์เตาถ่าน แต่ด้วยความที่เตาถ่านจำเป็นต้องใช้เวลานานในการทอด การทำกุยช่ายแต่ละชิ้นจึงต้องแลกมากับความใจเย็นของทั้งลูกค้าและตัวคนทอดเอง ซึ่งป้าป้อมจะคอยย้ำอยู่ตลอดบทสนทนาว่า "รีบทอดไม่ได้ ต้องใจเย็น"
เคล็ดลับการทอดที่ใช้ความร้อนเพียงครึ่งกระทะ เพื่อให้น้ำมันร้อนจัด
นอกจากนี้ป้าป้อมยังมีเคล็ดลับการทอดเฉพาะตัวที่จะตั้งไฟให้ร้อนเพียงแค่ฝั่งเดียว และเมื่อกระทะร้อนก็จะหมุนกระทะให้น้ำมันไหลลงไปในฝั่งที่ร้อนเพื่อให้น้ำมันร้อนจัด เมื่อนำกุยช่ายลงไปทอด ก็จะได้กุยช่ายที่มีความกรอบทั่วตัว ถึงแม้จะตั้งไว้นานก็ยังคงความกรอบได้ดีไม่เหนียวไม่แข็ง
"เศรษฐกิจไม่ดี โควิดก็มา เราต้องช่วยเหลือกัน เราอยู่ได้ เขาอยู่ได้"
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกค้าติดอกติดใจมากกว่าความอร่อยจากกุยช่ายแล้วนั้น ก็คงหนีไม่พ้นความอัธยาศัยดีของป้าป้อม ที่ถ้าหากใครมีโอกาสได้มายืนซื้อกุยช่ายถึงร้านรถเข็นเล็กๆ แห่งนี้ คงจะได้เห็นบรรยากาศการพูดคุยอย่างออกรสระหว่างป้าป้อมและลูกค้า เพราะป้าป้อมนั้นใส่ใจกับลูกค้าทุกคน และชื่นชอบที่จะพูดคุยกับลูกค้าที่หน้าร้านอย่างเป็นประจำ รวมถึงยังมองว่าทั้งคนขายและลูกค้าต้องช่วยเหลือกันและกัน กุยช่ายของทางร้านจึงขายในราคาย่อมเยาและขึ้นราคาไม่บ่อยนัก เริ่มต้นเพียงชิ้นละ 10 บาท
"ถ้าอยากได้แบบอร่อย ต้องใจเย็นๆ กินครั้งเดียวต้องติดใจแล้วเดินกลับมา"
สำหรับใครที่ชื่นชอบเมนูของทานเล่นกุยช่ายอยู่แล้ว หรือถ้าหากมีโอกาสไปถึงย่านจุฬา ก็สามารถลองจอดรถแวะชิมกุยช่ายทอดของป้าป้อมกันได้ ร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่าแห่งนี้จะเป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ที่ลูกค้าทั้งหน้าใหม่และเก่าต่างก็รู้กันว่า เมื่อมาถึงร้านป้าแล้วจะต้องใจเย็นๆ เพราะป้าป้อมนั้นอยากให้กุยช่ายรสชาติดีได้มาตรฐานก่อนถึงมือลูกค้าทุกคน ถึงแม้จะรอนานหน่อย แต่รับประกันว่าได้รับ 'ความอร่อย' เป็นของแถมติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยแน่นอน
การเดินทาง
ร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่าตั้งอยู่ที่ซอยจุฬาลงกรณ์ 6 ติดกับริมถนนบรรทัดทอง และอยู่ด้านหน้าร้านหมูสะเต๊ะนายซ้ง ใกล้ๆ กับ Stadium One สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ (ทางออก 2) เดินย้อนมาทาง Stadium One ได้
หรือถ้าหากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถมาได้ 2 ทาง คือ จากถนนพระราม 1 และถนนพระราม 4 เลี้ยวเข้าถนนบรรทัดทอง จะเจอร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่าตั้งอยู่หน้าซอยจุฬา 6 โดยสามารถจอดรถได้ที่ Stadium One
จุดเด่นของร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่า
1. กุยช่ายของที่ร้านเป็นกุยช่ายตอกไข่ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของที่ร้าน กุยช่ายของร้านอาแปะเจ้าเก่าจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะ แตกต่างจากร้านอื่นๆ
2. กุยช่ายของที่ร้านมีให้เลือกทานหลายแบบหลายไส้ ทั้งแบบกลม 3 ไส้ (กุยช่าย, หน่อไม้ และเผือก) และแบบเหลี่ยม (ไส้กุยช่าย) และแบบตอกไข่ ลูกค้าจึงสามารถเลือกทานกุยช่ายได้ตามชอบ
3. ทางร้านทำกุยช่ายออกมาได้รสชาติดี มีกลิ่นหอมและความกรอบทั่วตัว ถึงแม้จะตั้งไว้นานก็ยังคงความกรอบไว้ได้ดี เพราะทางร้านเลือกใช้กรรมวิธีการทอดแบบเตาถ่าน และมีความใส่ใจการทอดแต่ละครั้ง
4. กุยช่ายและน้ำจิ้มจะทำสดใหม่ทุกวัน โดยทางร้านจะมีการเตรียมของวันต่อวันตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อนำมาขายในช่วงเที่ยง
5. ทางร้านค่อนข้างเอาใจใส่ และให้การบริการเต็มที่กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาที่ร้าน
ข้อมูลเพิ่มเติม และข้อเสนอแนะ
1. กุยช่ายของทางร้านใช้เตาถ่านในการทอด ลูกค้าที่หน้าร้านจึงอาจจะต้องใช้เวลาในการรอคิวนิดนึงค่ะ
2. ร้านกุยช่ายอาแปะเจ้าเก่าไม่มีบริการเดลิเวอรีผ่านแอปพลิเคชัน จะมีเพียงบริการซื้อกลับบ้านที่หน้าร้านเท่านั้น
3. สำหรับใครที่ต้องการสั่งล่วงหน้า หรือสั่งออเดอร์เป็นจำนวนมาก ทางร้านจะรับออเดอร์วันต่อวัน สามารถสั่งกับทางร้านได้ตั้งแต่ 08.00 - 10.00 น. และมารับของได้ที่หน้าร้านช่วง 13.00 น. เป็นต้นไป โดยสั่งผ่านโทรศัพท์ เบอร์ 085-145-5847
4. ร้านเปิดบริการวันอังคาร - วันศุกร์ เวลา 12.00 - 17.00 น. (หยุดวันเสาร์ - วันจันทร์)
ปิดวันเสาร์-วันจันทร์
