รีวิว Kinlenn Eatery & Play ร้านอาหารไทยเปิดใหม่สไตล์โมเดิร์น คอนเซ็ปต์อิ่มสนุกรักษ์โลก เดินทางง่ายติด BTS อารีย์
หากใครที่ไปเยือนในย่านอารีย์บ่อยครั้ง คงจะพอรู้กันดีว่าในย่านอารีย์นั้นมีร้านอาหารซ่อนตัวอยู่นับไม่ถ้วน ในวันนี้ Ryoii ขอแนะนำร้านอาหารเปิดใหม่ในย่านอารีย์อีกหนึ่งร้านกับร้าน Kinlenn Eatery & Play สาขาอารีย์ ซึ่งเป็นสาขาที่ 2 ของร้าน (สาขาแรกอยู่ที่ปากช่อง) สำหรับร้าน Kinlenn Eatery & Play นั้นเป็นร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ว่า "FOOD SHOULD BE FUN" แต่ละเมนูของทางร้านจึงมีความโดดเด่นด้วยความโมเดิร์น และมาพร้อมกับความสนุกสนานที่เหมาะสำหรับการมากับกลุ่มเพื่อนอีกด้วยค่ะ
Kinlenn Eatery & Play ร้านอาหารไทยเปิดใหม่สไตล์โมเดิร์น คอนเซ็ปต์อิ่มสนุกรักษ์โลก เดินทางง่ายติด BTS อารีย์
การเดินทาง
สำหรับพิกัดร้าน Kinlenn Eatery & Play สาขาอารีย์นั้นตั้งอยู่ใต้รถไฟฟ้า BTS อารีย์ ฝั่งเดียวกับ La Villa Ari โดยลูกค้าสามารถเดินทางมาที่ด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอารีย์ และใช้ทางออก 2 จากนั้นให้เดินย้อนกลับไปทาง La Villa Ari ประมาณ 40 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือค่ะ
ถ้าหากเดินทางด้วยรถส่วนตัวสามารถขับตรงมาจากแยกสะพานควาย เพื่อเข้าสู่ถนนพหลโยธินจากนั้นขับตรงอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ โดยลูกค้าของร้าน Kinlenn Eatery & Play สามารถเลี้ยวขวาเพื่อจอดรถได้ที่ลานจอดรถของร้าน สำหรับลูกค้าที่มีตราประทับของร้าน สามารถจอดได้ไม่เสียค่าบริการสูงสุด 3 ชั่วโมงค่ะ
บรรยากาศภายในร้าน
ตัวร้าน Kinlenn Eatery & Play ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นเรียบหรูควบคู่กับสไตล์มินิมอล โดยเลือกใช้ผนังปูนเปลือยและกระจกเปิดโล่งเพื่อรับแสงธรรมชาติในช่วงกลางวัน แต่สำหรับช่วงกลางคืนจะเพิ่มแสงไฟเพื่อให้บรรยากาศเหมาะสำหรับการทานมื้อเย็นและมีความเรียบหรูมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วตัวร้านจึงออกมามีสไตล์ที่เรียบหรูเพื่อให้เข้ากับตัวอาหารที่มาในสไตล์ไทย-โมเดิร์น แต่ยังคงบรรยากาศความสบายๆ เหมาะสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัยในย่านอารีย์ค่ะ
เมนูและราคาอาหาร
เมนูอาหารของร้าน Kinlenn Eatery & Play นั้นจะเป็นอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น โดยมีการนำวัตถุดิบที่หลายๆ คนชื่นชอบและนิยมทานกันในปัจจุบันเข้ามาประยุกต์กับอาหารไทยแบบดั้งเดิม เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ในส่วนของรสชาติยังความเป็นไทยไว้อย่างเต็มที่ เพราะรสชาติอาหารนั้นค่อนข้างจะจัดจ้านในสไตล์แบบไทยๆ
โดยเมนูของทางร้านนั้นจะแบ่งออกเป็นหมวดๆ คือ กิน-เล่น, กิน-จริงจัง, กิน-มัง, กิน-สลัด, กิน-ย่าง และกิน-สำรับ ในส่วนนี้จะเป็นการแบ่งหมวดเพื่อให้ลูกค้าเลือกดูอาหารได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นหมวดสำหรับอาหารจานหลัก แต่ทางร้านก็ยังมีของหวานโฮมเมดและเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟอีกด้วย และนอกจากเมนูตามปกติแล้วทางร้านจะมี Menu of The Day ซึ่งเป็นเมนูพิเศษที่จะเสิร์ฟเฉพาะวันนั้นๆ ในแต่ละสัปดาห์
นอกเหนือจากเมนูอาหารที่หลากหลายและโดดเด่นแล้ว ทางร้านยังมาพร้อมนโยบายรักษ์โลกและรักษาสิ่งแวดล้อม ทางร้านจึงมีการปรับใช้ภาชนะภายในร้าน โดยจะเน้นการใช้ขวดแก้วที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้และเสิร์ฟน้ำพร้อมหลอดกระดาษ (หรือถ้าไม่ต้องการหลอดสามารถแจ้งได้) แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือทางร้านยังมีโปรโมชั่นเอาใจคนรักษ์โลกโดยเฉพาะอีกด้วย! สำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งอาหารกลับบ้าน ถ้าหากลูกค้าท่านใดนำปิ่นโตหรือกล่องข้าวมาเอง (ขนาดกล่องพอดีกับปริมาณอาหาร) จะได้รับส่วนลดพิเศษ 20 บาทต่อ 1 กล่องต่อ 1 เมนู (เฉพาะอาหารหมวดกิน-จริงจัง) ใครที่สนใจโปรโมชั่นดีๆ รักษ์โลกแบบนี้ก็อย่าลืมพกกล่องอาหารไปด้วยนะคะ
กิน-เล่น
สำหรับหมวดกิน-เล่น ทางร้านจะเน้นอาหารที่เป็นออเดิร์ฟหรือของทานเล่นไว้ให้ลูกค้าได้เลือกทาน มีให้เลือกทานทั้งแบบเป็นเซ็ตและจานเดียวค่ะ
รวมทอด (295 บาท)
เมนูรวมทอดของทางร้านเป็นหนึ่งในเมนูของทางร้านที่จะเสิร์ฟมาเป็นเซ็ต เพื่อให้ลูกค้าได้แชร์กันทานในกลุ่มเพื่อนได้ตามชอบ โดยในหนึ่งชุดจะมีของทอดให้เลือกทานถึง 4 อย่างด้วยกัน คือ มันม่วงทอด, ปีกไก่ทอดใบเตย, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด และหมูสามชั้นทอดพริกเกลือค่ะ
รวมย่าง (295 บาท)
อีกหนึ่งเมนูในหมวดกิน-เล่นที่หลายๆ คนน่าจะประทับใจ เพราะเป็นเมนูที่เสิร์ฟมาเป็นเซ็ตและสามารถแชร์กันทานกับกลุ่มเพื่อนได้เช่นเดียวกัน โดยในหนึ่งชุดจะมีอาหารให้เลือกทานดังนี้ค่ะ ไส้อั่ว, ไส้กรอกอีสาน, คอหมูย่าง และผักนานาชนิดที่ทางร้านนำมาเผา เช่น หอมแดง กระเทียม และผักกาดคอส
กิน-จริงจัง
ในหมวดนี้ทางร้านจะเน้นเป็นอาหารจานหลักคือข้าวและก๋วยเตี๋ยว ในวันนี้ Ryoii ได้ลองทาน 2 เมนูดังนี้ค่ะ
ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือปลาแซลมอนทอดน้ำปลา (275 บาท)
สำหรับเมนูนี้ทางร้านได้ผสมผสานระหว่างเมนูอาหารไทยคลาสสิกอย่างข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือ และอาหารสไตล์โมเดิร์นอย่างแซลมอนซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงนี้ โดยทางร้านนำแซลมอนมาทอดน้ำปลาจนสุก เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงหลากชนิด ดังนี้ ไข่เค็ม หมูหวาน น้ำพริกลงเรือ ผักสด และน้ำซุปค่ะ
ผัดไทยกุ้ง (295 บาท)
เมนูสุดคลาสสิกของเมนูอาหารไทย โดยเมนูนี้ทางร้านยังคงรสชาติและสไตล์ตามต้นตำรับ โดยในหนึ่งจานทางร้านจะเสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุงมาให้พร้อมปรุงรสชาติได้ตามชอบเลยค่ะ
กิน-สลัด
หมวดนี้ทางร้านได้คิดค้นเมนูอาหารไทยที่มีวัตถุดิบหลักเป็นผักเพื่อเอาใจคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ แต่ยังคงมีเนื้อสัตว์บ้างเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติค่ะ
ยำกินเล่น (250 บาท)
สำหรับเมนูนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ เพราะทางร้านยังคงรสชาติน้ำยำที่จัดจ้านในแบบไทยๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ในส่วนของวัตถุดิบในเมนูยำของทางร้านกินเล่นนั้นค่อนข้างแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร โดยในหนึ่งจานจะมี เส้นเซี่ยงไฮ้ผสมอัญชัน, เส้นใหญ่, คางกุ้งทอดกรอบ กุ้ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และผักนานาชนิด
ตำกินเล่น (250 บาท)
อีกหนึ่งเมนูคลาสสิกที่หลายคนชื่นชอบ สำหรับเมนูนี้จะทางร้านจะเสิร์ฟส้มตำปูปลาร้า (แต่ถ้าหากใครไม่ทานปลาร้าสามารถแจ้งทางร้านได้เลยค่ะ) พร้อมกับเครื่องเคียงหลากชนิดเพื่อให้ลูกค้าได้แชร์กันทานกับกลุ่มเพื่อน โดยเครื่องเคียงนั้นมีให้เลือกทานถึง 6 อย่างคือ กระถิน, กุนเชียง, หมูยอ, แหนม, ผักสด และแคบหมู
กิน-ย่าง
ในหมวดกิน-ย่างทางร้านจะนำวัตถุดิบยอดฮิตนำมาย่างโดยมีให้เลือกทาน 3 เมนูด้วยกันคือ ไก่ย่าง, คอหมูย่างคุโรบูตะ และเนื้อนำเข้า โดยในหนึ่งเมนูจะเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงให้ลูกค้าได้เลือกทาน ดังนี้ ข้าวเหนียว, ส้มตำ, ผักหลากชนิด และน้ำจิ้มถึง 2 อย่างให้เลือกทานคือ น้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแจ่วค่ะ
คอหมูย่างคุโรบูตะ (390 บาท)
เมนูคอหมูย่างของทางร้านเลือกใช้หมูคุโรบูตะเนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสจัดจ้านอย่างน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแจ่ว ในส่วนของส้มตำนั้นเป็นส้มตำหลวงพระบาง เส้นมะละกอจึงมีขนาดใหญ่ เต็มคำ และได้รสชาติของน้ำส้มตำอย่างชัดเจนเลยค่ะ
กิน-สำรับ
เมนูในหมวดกิน-สำรับนั้นเป็นหนึ่งในหมวดอาหารของทางร้านที่มีความคุ้มค่าและสามารถอิ่มได้ภายในหนึ่งเมนู เพราะทางร้านจะเสิร์ฟเป็นเซ็ตอาหารไทย โดยในหนึ่งเซ็ตจะมีข้าวหอมมะลิและอาหารไทยที่ทางร้านจัดเซ็ตมาให้พร้อม
แกงชักส้มกุ้งยอดมะพร้าว ปลานิลฟู หมูหวาน ผักสด (280 บาท)
ในวันนี้ Ryoii ได้ลองทานเมนูแกงชักส้มกุ้งยอดมะพร้าว ซึ่งเป็นอาหารไทยโบราณ โดยเมนูนี้จะเสิร์ฟพร้อมปลานิลฟูที่ทอดมาจนกรอบ พร้อมด้วยหมูหวาน ผักสด และน้ำปลาพริกให้ลูกค้าปรุงรสชาติได้ตามชอบค่ะ
เครื่องดื่ม
เมนูเครื่องดื่มของทางร้านนั้นมีให้เลือกทานหลากหลายประเภท เช่น กาแฟ น้ำผลไม้ น้ำผลไม้โซดา น้ำเปล่า รวมไปถึงบาร์เครื่องดื่ม
น้ำองุ่นโฮมเมด (125 บาท)
สำหรับขวดนี้จะเป็นน้ำองุ่นโฮมเมด โดยทางร้านเลือกใช้น้ำองุ่น 100 เปอร์เซ็นต์และเสิร์ฟมาในขวดแก้วแช่น้ำแข็ง เมื่อดื่มแล้วจึงจะได้รสชาติและกลิ่นหอมขององุ่นช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
ขนมหวานโฮมเมด
นอกจากจะมีเมนูอาหารไทยให้เลือกทานอย่างหลากหลายแล้ว ทางร้านก็ยังมีเมนูขนมหวานพร้อมเสิร์ฟปิดท้าย ซึ่งเมนูขนมหวานของทางร้านนั้นเป็นเมนูขนมไทยโฮมเมด แต่ละเมนูจึงค่อนข้างมีเอกลักษณ์และโดดเด่นไม่แพ้อาหารจานหลักเลยค่ะ
บัวลอยมันม่วงมะพร้าวอ่อน (125 บาท)
ทางร้านเลือกใช้มันม่วงในการทำบัวลอย เนื้อบัวลอยจึงมีความหนึบและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านโดยเฉพาะ โดยในหนึ่งถ้วยจะเสิร์ฟพร้อมมะพร้าวอ่อนและน้ำกะทิหอมหวาน และเนื่องจากเมนูบัวลอยของทาร้านนั้นเป็นเมนูโฮมเมดและทางร้านเลือกใช้เฉพาะของสดใหม่เท่านั้น เมนูนี้จึงมีพร้อมเสิร์ฟ 30 ถ้วย/ วันเท่านั้นค่ะ
ชีสเค้กองุ่น (155 บาท)
อีกหนึ่งเมนูของหวานที่ Ryoii ได้ลิ้มลองในวันนี้ ทางร้านจะเสิร์ฟชีสเค้กองุ่นพร้อมด้วยซอสองุ่น 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเมนูนี้ถึงแม้จะเป็นเมนูขนมหวาน แต่รับรองว่าใครที่ชอบทานผลไม้จะต้องประทับใจค่ะ เพราะทางร้านเลือกใช้องุ่นไร้เมล็ดและนำไปแช่เย็นไว้ก่อน ในตอนที่มาเสิร์ฟทางร้านจะนำมาเรียงบนหน้าเค้กทีละชิ้นในขณะที่องุ่นยังคงความเย็น เมื่อทานแล้วจึงจะได้ความสดชื่น เหมาะสำหรับเป็นเมนูปิดท้ายมื้ออาหารได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
สรุปรสชาติอาหาร
รวมทอด (295 บาท) : สำหรับเมนูนี้ค่อนข้างคุ้มค่า เนื่องจากมีให้อาหารให้เลือกทานได้หลายอย่างและมีปริมาณค่อนข้างเยอะ จึงสามารถแชร์กันทานกับกลุ่มเพื่อนๆ ได้ค่ะ ในส่วนของรสชาตินั้น หมูสามชั้นทอดมาได้ค่อนข้างกรอบ มีความหอมกระเทียมและได้รสชาติเผ็ดของพริกบางๆ สำหรับปีกไก่ทอดทอดมาได้สุกและมีความกรอบ ในส่วนของมันม่วงทอดนั้นมีรสชาติหวานและมีความนิ่ม เมื่อทานแล้วจึงช่วยตัดรสชาติจัดจ้านจากเมนูอื่นๆ ได้ดีเลยค่ะ
รวมย่าง (295 บาท) : เมนูนี้ลูกค้าสามารถเลือกทานอาหารได้หลากหลายเมนู และเป็นเมนูที่สามารถแบ่งกันทานกับเพื่อนๆ ได้เช่นเดียวกัน สำหรับรสชาติไส้กรอกอีสานนั้นจะได้รสชาติเปรี้ยวตามแบบฉบับของไส้กรอกอีสาน สำหรับไส้อั่วนั้นมีกลิ่นเครื่องเทศชัดเจน แนะนำให้ทานตอนร้อนๆ จะได้รสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ ในส่วนคอหมูย่างนั้นมีความนุ่ม เมื่อทานคู่กับน้ำจิ้มแล้วเข้ากันได้ดี เพราะถึงแม้น้ำจิ้มแจ่วรสชาติอาจจะอ่อนไปนิดนึง แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดนั้นมีรสชาติจัดจ้าน ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารได้ดีเลยค่ะ
ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือปลาแซลมอนทอดน้ำปลา (275 บาท) : สำหรับตัวข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือ เมื่อทานแล้วจะได้รสชาติจัดจ้านและความหอมของน้ำพริกอย่างชัดเจน ใครที่ชอบทานน้ำพริกน่าจะประทับใจเลยทีเดียวค่ะ ในส่วนของแซลมอนนั้นทอดมาสุก แต่ยังคงความฉ่ำของเนื้อแซลมอนได้ดี หนังกรอบ ชิ้นใหญ่ เมื่อทานแล้วเข้ากันได้ดีกับข้าว รวมไปถึงลดความจัดจ้านของน้ำพริกลงได้บ้าง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นที่อยากแนะนำค่ะ
ผัดไทยกุ้ง (295 บาท) : เมนูนี้ทางร้านยังคงรสชาติต้นตำรับของผัดไทยไว้ได้ดี มีความหวานมันกลมกล่อม เส้นมีความนุ่มแต่ไม่เหนียว ในส่วนของกุ้ง มีความสดและไม่คาว เนื้อกรอบแน่นค่ะ และถ้าหากใครต้องการปรุงรสชาติไหนเป็นพิเศษ ทางร้านก็มีเครื่องปรุงแยกไว้ให้ค่ะ
ยำกินเล่น (250 บาท) : รสชาติของน้ำยำนั้นจัดจ้านและคงความเผ็ดเปรี้ยวของยำไว้ เส้นเซี่ยงไฮ้และเส้นใหญ่ลวกมาสุก นิ่มแต่ไม่เละ รสชาติน้ำยำเข้าถึงเส้นได้ดี คางกุ้งทอดได้กรอบ ช่วยลดความจัดจ้านของน้ำยำได้ถ้าหากไม่ทานเผ็ด สำหรับกุ้งนั้นเนื้อแน่นและไม่คาวค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทำออกมาได้รสชาติดีและมีความแปลกใหม่ค่ะ
คอหมูย่างคุโรบูตะ (390 บาท) : คอหมูย่างมีความนุ่ม มีมันแทรก ใครที่ชอบทานเนื้อหมูติดมันน่าจะประทับใจค่ะ ในส่วนของน้ำจิ้มแจ่วนั้นรสชาติอาจจะอ่อนไปนิด สำหรับคนที่ชอบชอบทานรสชาติจัด แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดมีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดจัดจ้านครบทุกรสชาติ เมื่อทานแล้วเข้ากับคอหมูย่างได้ดีค่ะ แต่เมนูนี้ด้วยราคาสำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่าราคาสูงไปนิดนึงค่ะ
แกงชักส้มกุ้งยอดมะพร้าว ปลานิลฟู หมูหวาน ผักสด (280 บาท) : รสชาติของแกงชักส้มจะมีรสชาติหวานนำ แต่กุ้งแต่ละตัวนั้นมีความสด กรอบและไม่คาว ปลานิลฟูของทางร้านนั้นมีความกรอบฟู ถึงแม้จะตั้งไว้นานก็ยังคงความกรอบได้ดีค่ะ เมื่อทานคู่กับแกงชักส้มแล้วจะช่วยลดความหวานได้กำลังดีเลยค่ะ โดยรวมแล้วเมนูนี้ค่อนข้างมีความคุ้มค่า เพราะทางร้านจะเสิร์ฟมาเป็นเซ็ตอาหารภายในหนึ่งเมนู
น้ำองุ่นโฮมเมด (125 บาท) : น้ำองุ่นมีความหอมและมีรสชาติหวานขององุ่นอย่างชัดเจน เมื่อดื่มแล้วมีความสดชื่น ใครที่ชอบดื่มน้ำผลไม้น่าจะประทับใจเมนูนี้แน่นอนค่ะ
บัวลอยมันม่วงมะพร้าวอ่อน (125 บาท) : แป้งบัวลอยมีความหนึบและหอม เข้ากันได้กับน้ำกะทิที่มีความหอมและไม่หวานมากเกินไป เมื่อทานคู่กันแล้วจึงได้ความหอมในทุกๆ คำ เมนูนี้แนะนำให้ทานตอนร้อนๆ จะได้รสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ
ชีสเค้กองุ่น (155 บาท) : ชีสเค้กมีความหอมมันและมีรสชาติเปรี้ยวของชีสเค้ก ไม่เลี่ยนจนเกินไป เค้กชั้นล่างมีความกรอบและได้กลิ่นหอมของเนยชัดเจน ในส่วนขององุ่นแต่ละชิ้นจะมีความเย็น เมื่อทานแล้วจะรู้สึกสดชื่น สำหรับซอสองุ่นของทางร้านจะออกรสชาติหวาน ในหนึ่งชิ้นเมื่อทานแล้วจึงจะได้รสชาติครบรสทั้งหวานเปรี้ยวและความหอมจากชีสเค้ก เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำที่คนรักของหวานน่าจะประทับใจค่ะ
การประเมิน และให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.10 |
บรรยากาศ |
4.10 |
การบริการ |
4.00 |
ความคุ้มค่า |
4.00 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.05 |
จุดเด่นของร้าน Kinlenn Eatery & Play
1. ทางร้านสามารถปรับเปลี่ยนอาหารไทยให้มีความโมเดิร์น เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงรสชาติจัดจ้านตามแบบฉบับอาหารไทยไว้ได้ดี เมนูของร้านแต่ละเมนูจึงออกมาได้น่าประทับใจ เช่น ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือปลาแซลมอนทอดน้ำปลา รสชาติของน้ำพริกลงเรือนั้นทำออกมาได้จัดจ้าน และเข้ากันได้กับแซลมอนทอดน้ำปลา, ผัดไทยกุ้ง ทางร้านยังคงรสชาติต้นตำรับของผัดไทยได้อย่างดี โดยรวมจึงออกมามีความหวานมันกำลังดีค่ะ และชีสเค้กองุ่น เป็นเมนูขนมหวานที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานครบรสในหนึ่งคำและเป็นหนึ่งในเมนูที่มีเอกลักษณ์ทีเป็นของทางร้านโดยเฉพาะ
2. อาหารบางเมนูของทางร้านเสิร์ฟมาเป็นเซ็ต จานใหญ่และมีปริมาณเยอะ ในหนึ่งเมนูจึงสามารถทานร่วมกันได้หลายคน เหมาะสำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มค่ะ
3. ที่ตั้งของร้านสะดวกสำหรับคนที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ เพราะตัวร้านตั้งอยู่ห่างกับ BTS อารีย์เพียง 40 เมตรค่ะ
4. ทางร้านมีที่จอดรถบริการสำหรับลูกค้าที่มีตราประทับของที่ร้าน โดยสามารถจอดได้สูงสุด 3 ชั่วโมง
5. ร้านตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและมินิมอล เข้ากับเมนูอาหารของทางร้านที่เป็นเมนูอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศโดยรวมแล้วจึงเป็นร้านหนึ่งที่เหมาะสำหรับการมาทานอาหารได้ทั้งครอบครัวและกลุ่มเพื่อนค่ะ
6. ทางร้านมีนโยบายรักษ์โลกและรักษาสิ่งแวดล้อม จึงมีการเลือกใช้เฉพาะหลอดกระดาษและขวดแก้วในการเสิร์ฟน้ำดื่ม นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นส่วนลด ถ้าหากลูกค้านำกล่องข้าวมาเอง ในกรณีที่ลูกค้าต้องการซื้ออาหารกลับบ้านอีกด้วย (ลด 20 บาท/ 1 เมนู)
ข้อมูลอื่นและข้อเสนอแนะ
1. ราคาอาหารทั้งหมดยังไม่รวม VAT 7% และ Service Charge 10%
2. เนื่องจากร้านเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน พนักงานและการบริการของทางร้านอาจจะอยู่ในช่วงเตรียมการ จึงอาจจะมีความสับสนไปบ้าง แต่โดยรวมการบริการของทางร้านนั้นแบ่งหน้าที่ในการรับผิดชอบของพนักงานได้ชัดเจนดีค่ะ
3. ราคาอาหารบางเมนูอยู่ในระดับปานกลางถึงสูง เพราะแต่ละเมนูทางร้านนั้นเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีและจัดเตรียมอาหารอย่างพิถีพิถันค่ะ
ร้าน Kinlenn Eatery & Play นับว่าเป็นร้านอาหารอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจ เพราะทางร้านพร้อมด้วยเมนูอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นที่ปรับตัวเข้ายุคสมัย แต่ยังคงรสชาติอาหารในแบบต้นตำรับสไตล์ไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่พร้อมจะนำพาความสนุกสนานมาในมื้อสำคัญของทุกคน ดังนั้นแล้วใครที่กำลังมองหาร้านอาหารในย่านอารีย์ไม่ควรพลาดกับร้าน Kinlenn Eatery & Play เลยค่ะ