ร้าน Jona Waffle เปิดประสบการณ์ครั้งแรกกับวาฟเฟิลเนื้อนุ่ม @ทองหล่อ17

          “นึกถึงทองหล่อนึกถึงอะไรดีน้า...?” หลายๆ คนคงนึกถึงแหล่งแฮงค์เอาท์ยามค่ำคืน แหมๆ ไม่กลางคืนก็มาแฮงค์เอาท์ได้ค่ะที่ทองหล่อ เพราะย่านทองหล่อเนี่ยมีคาเฟ่น่ารักๆ ร้านอาหารอร่อยๆ และสถานที่แฮงค์เอาท์ซ่อนตัวอยู่ในซอยรอให้เราค้นหาอีกเยอะ แต่มีหนึ่งสถานที่ที่รวบรวมคาเฟ่ และร้านอาหารร้านดังสไตล์ฮิป ไม่ใกล้ไม่ไกลจากต้นซอย นั่งมาเรื่อยๆ ใจเย็นๆ เจอะป้ายซอยทองหล่อ17ถือว่าถึงที่หมายแล้ว เตรียมกล้องให้พร้อม เตรียมท้องให้ว่างเพราะวันนี้เราจะไปที่ The Commons กันค่ะ

          The Commons เปรียบเสมือนคอมมิวนิตี้มอลล์แห่งหนึ่งที่รวบรวมคาเฟ่ และร้านอาหารต่างๆ เอาไว้ซึ่งแต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์ในตัวของมันเองตั้งแต่การดีไซน์ รวมไปถึงอาหาร เอาเป็นว่าต้องลองแวะมาดูแล้วจะรู้ว่าเป็นไง แต่วันนี้ไม่ได้มาถ่ายรูปเล่นอย่างเดียว เพราะท้องว่างซะขนาดนี้ต้องแวะทานสักร้านแล้วค่ะ ขอเลือกร้าน Jona Waffle ที่ตั้งอยู่ในโซน Village เพราะชอบทานวาฟเฟิลอยู่แล้วมีหรือจะพลาด! 

 

ร้าน Jona Waffle เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 12.00 – 22.00 น. ใครอยากจะมาฝากท้องที่นี้ช่วงบ่ายๆ หรือใครเพิ่งเลิกงานแล้วอยากทานอะไรหวานก็แวะมาได้ค่ะ

    SPONSORED

 


เห็นปุบรู้ปับว่านี้ละ The Commons 

          ร้านตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 โซน Village ของโครงการ The Commons ทองหล่อ 17 ซึ่งจะอยู่ฝั่งซ้ายมือหากมาจากแยกทองหล่อ และจะอยู่ทางขวาหากมาจากถนนเพชรบุรี และอยู่ในซอยทองหล่อ 17 เลยค่ะ ถึงแม้จะไม่ติดถนนใหญ่ แต่เดินเข้ามานิดเดียวจริงๆ จากต้นซอยทองหล่อ 17


ซอย ทองหล่อ17 

          แต่ถ้านึกไม่ออกจริงๆ ก็ต้องพึ่งอากู๋เลยค่ะ รับรองไม่มีหลง และสามารถเดินทางมายังทองหล่อได้ด้วย BTS ลงสถานีทองหล่อ จากนั้นเลือกทางออกที่ 3 (Exit No.3) ก็จะเจอซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) สามารถนั่งรถเมล์แดงซึ่งเป็นรถประจำทางทองหล่อมาลงที่ซอยทองหล่อ 17 หรือนั่งมอไซค์รับจ้าง และแท็กซี่ก็ได้ค่ะ 

          ส่วนใครที่มาด้วยรถส่วนตัว ทางโครงการ The Commons ก็มีที่จอดรถไว้ให้บริการแบบ valet parking และเสียค่าใช้บริการเป็นรายชั่วโมงค่ะ แต่อย่าลืมแสตป์บัตรจอดรถทุกครั้งนะคะหากได้เข้ามาใช้บริการไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่หรือร้านอาหาร  

 

บรรยากาศร้าน Jona Waffle

          ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ ให้ลึกซึ้งกับความน่ารักสไตล์เรียบๆ น้อยๆ แต่แอบเปรี้ยวของร้าน Jona Waffle แวะมาที่ The Commons ทีไรก็อดมองร้านนี้ไม่ได้ เพราะนอกจากจะตั้งอยู่ตรงกลางโซน Village (ชั้น 2) ใกล้ๆ กับบันไดขึ้นลงแล้ว เรายังสามารถมองเห็นร้านได้ทั้งร้านผ่านกระจกใสค่ะ ที่ภายในตกแต่งสไตล์เรียบๆ แต่ดูไม่น่าเบื่อพร้อมกับการใช้สีเหลืองที่ช่วยเพิ่มความสนุกให้กับร้าน


 

 


พร้อมแล้วค่ะ เพราะหิวมากแล้วเน้อ

 

 


 

 

 

          ทั้งสี ทั้งเฟอร์นิเจอร์ และองค์ประกอบทุกอย่างลงตัวกันมากค่ะ จึงทำให้ร้าน Jona Waffle ดูมีเอกลักษณ์ ใครเห็นเป็นต้องจำได้โดยไม่ต้องใส่อะไรให้เยอะ! 

          ร้านค่อนข้างมีพื้นที่กว้างค่ะ และยิ่งดูโปร่งไปอีกด้วยกระจกใส อีกทั้งแต่ละโต๊ะก็ไม่ได้ตั้งชิดกันเกินไปด้วยยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัว มากันเยอะๆ เกิน 5 คนอาจจะต้องต่อโต๊ะกันหน่อย แต่ถ้ามากัน 2 คนนั่งตรงไหนก็สวีทได้เนอะ :D

 

เข้ามาปุ๊บหาที่นั่งแล้ว สั่งกันเถอะค่ะเริ่มหิวววววว
ที่นี่บริการสั่งอาหารที่โต๊ะ และเสิรฟ์ถึงโต๊ะเลยนะคะ

 


มีทั้งวาฟเฟิลแบบของหวาน และแบบของคาวหรือจะ Mix&Match เองก็ได้นะคะ

 


เมนูวาฟเฟิลว่าเยอะแล้ว เมนูเครื่องดื่มก็เยอะพอๆ กันค่ะ จะสายกาแฟ สายน้ำหวานหรือสายน้ำชาก็มีครบ

 

          สำหรับเมนูของร้านนี้เป็น “วาฟเฟิล” ทั้งหมดเลยค่ะ พร้อมด้วยเมนูเครื่องดื่ม และขนมหวานเล็กๆ น้อยๆ และราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 220-350 บาทค่ะ (สำหรับเมนูวาฟเฟิล) แต่ที่น่าแปลกใจคือนอกจากเมนูวาฟเฟิลที่ทานเป็นของหวานแล้ว ยังมีวาฟเฟิลที่สามารถทานเป็นของคาวได้ด้วย และหากใครไม่ถูกใจก็สามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมทช์เองได้ค่ะ ตั้งแต่การเลือกแป้งจนไปถึงการเลือกท้อปปิ้ง และไอศครีม

          ในเรื่องของเมนูนั้นถือว่าดูง่ายมาก มีรูปประกอบ ชื่อเมนู พร้อมด้วยราคากำกับทุกเมนู ชอบรูปไหนหรือคิดว่ารูปไหนดูแล้วน่าทานก็จิ้มสั่งเลยค่ะ

 

                รอช้าอยู่ไย สั่งโลดเด้ออออออ

          เมนูแรกที่สั่งคือ Lady in Red (230 บาท) ซึ่งเป็นเมนูขายดี และเมนูแนะนำประจำร้านค่ะ ถือเป็นเมนูที่สั่งแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อร่อย เพราะสตรอเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่ยังไงๆ ก็เข้ากันดีกับวาฟเฟิลอยู่แล้ว พร้อมด้วยไอศครีมคุ้กกี้แอนด์ครีม


Lady in Red (230 บาท)

 

 

          โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานวาฟเฟิลอยู่แล้วค่ะ ชอบความนุ่มของเนื้อแป้งที่ต้องไม่แห้งเกินไปหรือฝืดเกินไป หากถามว่าเมนูนี้อร่อยไหม เราสองสาวขอตอบว่า “อร่อยมาก...” ไม่ได้อวยนะคะแต่ตัวเนื้อแป้งวาฟเฟิลของทางร้านมีความนุ่มก็จริงแต่ก็มีความกรอบแฝงอยู่ด้วยการปรุงสูตรเฉพาะของทางร้าน เนื้อแป้งละเอียด และที่สำคัญไม่แห้งไป ให้กินแป้งอย่างเดียวก็อร่อยค่ะ

          เสริมความอร่อยด้วยสตรอเบอร์ที่มาแบบคิ้วท์ๆ ในรูปหัวใจ และบลูเบอร์รี่หั่นครึ่ง ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ที่สำคัญจานนี้มีกลิ่นหอมๆ ด้วยค่ะ ตบท้ายด้วยไอศกรีมคุกกี้แอนด์ครีม (เปลี่ยนจากไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ไม่พูดอะไรมากแค่ขอเพิ่มอีกจานค่ะ!

 

          ผ่านของหวานไปแล้ว งั้นมาทานของคาวกันเถอะค่ะกับเมนู Chicken Waffle (350 บาท) (ความจริงแล้วต้องทานของคาวก่อนของหวาน แต่ทาน Lady in Red ไปก่อนเดี๋ยวไอศครีมละลาย)

 


 Chicken Waffle (350 บาท) 
พร้อมด้วยซอสเมเปิ้ล และซอสบาร์บีคิว

 

 


จุ่มซอสบาร์บีคิวซะหน่อย...
 

          สำหรับอีกหนึ่งเมนูขายดี Chicken Waffle (350 บาท) ถือว่าเป็นครั้งแรกกับเราสองสาวที่ได้ทานวาฟเฟิลคู่กับไก่ทอด แต่ไม่ได้มาแค่ไก่ทอดอย่างเดียวนะ มาพร้อมกับซอส 2 แบบที่ให้รสชาติแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อันแรกคือซอสบาร์บีคิวที่มีส่วนผสมของเบคอน และซอสรสเปรี้ยวหวานที่ทำจากน้ำเชื่อม บวกด้วยพริกไทย และเครื่องเทศสูตรพิเศษ

          ไก่ทอดสูตร American Southern อร่อยค่ะ ไม่แห้ง และชุ่มฉ่ำกำลังดี ทานคู่กับวาฟเฟิลที่เนื้อแป้งจะมีความหนากว่าหน่อยเพราะทำจากแป้งข้าวโพด แต่ยังคงความนุ่ม และเนื้อยังละเอียดอยู่ จานนี้ถือว่าค่อนข้างหนักค่ะ ทำให้อิ่มได้สบายๆ เลย

          ทางร้านแนะนำให้ทานไก่ และวาฟเฟิลพร้อมๆ กับซอส 2 ชนิด โดยส่วนตัวแล้วชอบซอสแบบแรกหรือซอสบาร์บีคิวมากกว่าค่ะ เพราะรสออกเข้มๆ ขมๆ สไตล์ซอสบาร์บีคิวแต่ไม่เผ็ดมาก เมื่อทานคู่กับไก่ และวาฟเฟิลรู้สึกเข้ากันดีมากกว่าซอสรสเปรี้ยวหวาน แต่สามารถมิกซ์หรือผสมซอสทั้ง 2 ชนิดนี้ได้ค่ะ

          แต่ทานไปทานมาอาจจะรู้สึกว่าหนักไปหน่อย ทานผักค่ะทานผักสามารถช่วยแก้เลี่ยนได้ แอบกระซิบหน่อยว่าน่าจะให้ผักเยอะกว่านี้ อยากสุขภาพดีต้องอย่าลืมทานผักนะคะทุกคน! (ได้ข่าวว่าซัดหมดไปแล้ว 2 จาน หึหึ)

 

          มีวาฟเฟิลไปแล้ว ต้องมีน้ำสักแก้วสิเนอะ บอกก่อนว่าตัดสินใจยากมากค่ะเพราะมีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกเยอะจริงๆ และมีหลากหลายเมนูที่เป็นไฮไลท์ ปกติก็กินแต่ชามะนาววันนี้ขออัพเกรดหน่อยเป็น Blueberry Mango Tea (120 บาท) ส่วนผสมแปลกขนาดนี้ต้องลองค่ะ!

 


Blueberry Mango Tea (120 บาท)

 

          ขอบอกตรงๆ ว่าช้ำใจมาหลายครั้งแล้วกับเครื่องดื่มที่มีสีสวยๆ แต่รสชาตินี้กินแล้วเสียดายเงิน มารอบนี้เลยหวังเพียงว่าขอให้กินได้เถอะ แต่! ผลปรากฏว่าอร่อยกว่าที่คิดค่ะ แน่นอนว่าพอดูดไปจะได้รสชาติของชา พร้อมด้วยกลิ่นหอมๆ และรสหวานๆ ของบลูเบอร์รี่ และมะม่วงค่ะแต่รสชาติของผลไม้ทั้งสองอาจจะไม่ได้เด่นมากนัก แต่อย่างน้อยแก้วนี้ไม่หวานมาก ทานได้เพลินๆ เลยค่ะ

 

SPONSORED

 

การประเมิน และให้คะแนน

รูปแบบของการประเมิน

คะแนน

รสชาติอาหาร

4.7

บรรยากาศ

4.5

การบริการ

4.5

ความคุ้มค่า

4

คะแนนเฉลี่ย

4.4

 


สำหรับมื้อนี้จ่ายไปทั้งหมด 720 บาท
เมนู Lady in Red ราคา 230 บาท และChicken Waffle ราคา 350 บาท
เครื่องดื่ม Blueberry Mango Tea ราคา 120 บาท และน้ำเปล่า 20 บาท
ไม่มี VAT และService Charge เพิ่มเติมค่ะ 

 

          ครั้งแรกที่ร้าน Jona Waffle ก็รู้สึกประทับใจจนอยากกลับไปทานอีกค่ะ ด้วยความที่ชอบวาฟเฟิลมากๆ อยู่แล้ว เคยกินมาแล้วหลายแบบแต่ว่าไม่มีที่ไหนเลยจะสู้วาฟเฟิลเนื้อนุ่มกรอบนอกแบบของที่นี้ได้ 

          ตัวร้านดีไซน์ออกมาสวย และดูดีค่ะ และดูไปทางเดียวกันกับบรรยากาศภายใน The Commons ซึ่งมีความเรียบง่ายแต่ลงตัว และดูแปลกใหม่ในสไตล์ฮิปๆ หากคุณกำลังมองหาร้านนั่งคุยเล่นกับเพื่อนในวันว่าง ร้านวาฟเฟิลแห่งนี้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ (แถมแสงอบอุ่นในร้านช่วยให้ถ่ายรูปสวยด้วย) 

          เมนูวาฟเฟิลมีให้เลือกเยอะมากค่ะ ทั้งแบบของหวาน และของคาวซึ่ง 2 เมนูที่สั่งมานั้นไม่ว่าจะเป็น Lady in Red และ Chicken Waffle ถือว่าอร่อย และเป็นรสชาติกลางๆ ที่ทุกคนสามารถทานได้แน่นอนค่ะ และที่สำคัญไม่หวานจนเลี่ยนเกินไปด้วย แต่ถ้าให้เลือกคงชอบวาฟเฟิลแบบของหวานมากกว่าเพราะติดใจในสตรอเบอร์รี่หวานๆ ของร้านนี้ อีกทั้งวัตุดิบ และท้อปปิ้งต่างๆ ถือว่าใช้ของคุณภาพดี ผลไม้สด และหวานไม่อมเปรี้ยว บวกกับการตกแต่งจานทำออกมาดูน่ากิน และถ่ายรูปออกมาสวยๆ มากค่ะ 

          สำหรับเมนูเครื่องดื่มนั้น Blueberry Mango Tea ถือว่าอร่อย และรสชาติดีกว่าที่เคยทานมาค่ะ ถึงแม้ตัวรสชาติทั้งสองผลไม้นั้นจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็มีกลิ่นหอม และไม่ออกหวานจนเกินไป 

สิ่งที่ "ชอบ" 

          1. เมนูวาฟเฟิล และเมนูเครื่องดื่มมีให้เลือกเยอะมากจริงๆ ค่ะ และมีทั้งแบบของหวานนั่งทานเพลินๆ หรือแบบของคาวที่เน้นความอิ่ม และเราสามารถ Mix&Match วาฟเฟิลได้เองด้วยตั้งแต่การเลือกเนื้อแป้งวาฟเฟิลจนไปถึงท้อปปิ้ง

          2. เมนูดูง่าย มีรูปประกอบ และราคากำกับชัดเจนทุกเมนูวาฟเฟิล

          3. พนักงานสามารถแนะนำ และอธิบายถึงเมนูวาฟเฟิลได้อย่างคล่องแคล่ว (ฟังพี่เขาพูดก็ยิ่งหิวค่ะ)

          4. บริการสั่งอาหารที่โต๊ะ และเสริฟ์ถึงโต๊ะ

          5. รสชาติของวาฟเฟิลถือว่าอร่อยกว่าที่เคยกินมา เนื้อแป้งมีความนุ่มตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย ไม่แห้งแต่เนื้อละมุน และละเอียด รวมไปถึงท้อปปิ้งอย่างสตรอเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่มีความสด หวานกำลังดี

          6. บรรยากาศร้านสวย ถ่ายรูปออกมาแล้วดูดี 

          7.ไม่มีค่า VAT และService Charge เพิ่มเติม (อันนี้ให้ 10 ดาวเลยค่ะ)

 

ข้อเสนอแนะ

          1. ราคาเริ่มต้นที่ 220 บาทถือว่าค่อนข้างสูง แต่หากมาทานกับเพื่อนแล้วแชร์กันก็โอเคอยู่ค่ะ

          2. ถึงแม้เมนูจะดูง่าย และมีรูปประกอบแต่บรรยายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ถ้ามีภาษาไทยกำกับไว้ด้วยจะดีมากค่ะ 

 

          หากวันไหนว่างๆ อยากออกไปนั่งเล่นชิลๆ นอกบ้านบ้างขอให้ลองแวะมาที่ The Commons ทองหล่อ17 ดูกัน เพราะนอกจากจะมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกแล้ว คาเฟ่ และร้านอาหารในโครงการแห่งนี้ก็น่าลองไม่แพ้กัน โดยเฉพาะร้าน Jona Waffle ที่รับรองว่าคนชอบวาฟเฟิลอยู่แล้วเป็นต้องเลิฟ แต่ถ้าใครไม่เคยลองทานมาก่อนก็อยากแนะนำให้มาค่ะเพราะวาฟเฟิลที่นี้อร่อยจนอยากกลับไปทานอีกแน่นอน  

เขียนโดย
จำนวนบทความที่รีวิว : 24
วันที่เขียนรีวิว : 2016/09/28
0.00 - 0.00 บาท
Rating Distribution
รสชาติอาหาร
4.70
การบริการ
4.00
ตกแต่งสถานที่
4.50
ราคาเหมาะสม
4.00
ที่อยู่ :
โซน Village (ชั้น 2) ของโครงการ The Commons ซอยทองหล่อ 17 ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ต. คลองตันเหนือ อ. เขตวัฒนา จ. กรุงเทพมหานคร ประเทศ Thailand
เบอร์ติดต่อ :
02-185-2472
ช่วงเวลา :
เปิดให้บริการทุกวัน 12.00-22.00 น.
ช่วงราคา :
0.00 - 0.00 บาท
ที่จอดรถ :
ไม่ระบุ
รับบัตรเครดิต :
ไม่ระบุ
รับจองล่วงหน้า :
ไม่ระบุ

TOP