[รีวิว] อาหารอิตาเลียน (มื้อค่ำ) สุดหรู มาพร้อมโชว์การแสดงสดสุดตระการตา FLAVORTALE!!!
"Ciao" ชาวววววว วันนี้เราขอทักทายกันแบบอิตาเลียน เพื่อสร้างบรรยากาศคุ้นชิน ก่อนการชมรีวิวของเราสะหน่อย อิอิ เพราะวันนี้ Ryoii จะพาทุกคนไปพบกับห้องอาหาร "Medici" @Hotel Muse Bangkok อาหารอิตาเลียนสุดหรู ที่มาในรูปแบบการเสิร์ฟเป็น courses และความพิเศษที่มากไปกว่านั้นคือ มีโชว์การแสดงสด "FLAVORTALE" ที่เราจะได้ชมแบบใกล้ชิดๆ สุด
สำหรับห้องอาหาร Medici เป็นห้องอาหารที่อิตาลี่ ที่จะเปิดบริการทั้งมื้อกลางวัน (เวลา 12:00-14:30น.) และเมื้อเย็น (เวลา 16:00-23:00น.) แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่มีโชว์พิเศษของทางห้องอาหาร ที่จะมีขึ้นทุกวันพุธ เฉพาะเดือนกันยายนนี้เท่านั้น โดยทางห้องอาหารจะเปิดบริการเวลา 18:30-22:00น. ค่ะ
[ชมคลิป] อาหารอิตาเลียนสุดหรู มาพร้อมโชวืการแสดงสด "FLAVORTALE" ณ ห้องอาหาร Medici @Hotel Muse Bangkok
SPONSORED
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางมาที่ รร. Hotel Muse เราใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานี ชิดลม (Exit No.4) และเดินมาทาง ถนนสวนหลวง ประมาณ 500 เมตร ก็เจอโรงแรมแล้วค่ะ
บรรยากาศห้องอาหาร
SPONSORED
เดินเข้ามาก็เจอป้ายงาน "FLAVORTALE" แบบนี้เลยค่า
มีที่นั่งกว่า 86 ที่นั่ง
สำหรับห้องอาหาร Medici การตกแต่งจะมีกลิ่นอายย้อนยุคนิดๆ ซึ่งเป็นสไตล์นีโออินดัสเทรียล เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและทัสกานี กาาตกแต่งจะใช้เป็นกำแพงอิฐ และถังไม่โอ๊คเป็นองค์ประกอบหลัก ส่วนการใช้ไฟและแสง จะเน้นไปโทนอุ่นๆ บอกเลยว่าโรแมนติกมากกก อิอิ และโซนที่นั่งมีทั้งแบบหน้าบาร์ แล้วแบบโซนโต๊ะแบบปกติเลยค่ะ :)
ช่วงที่เราไปถึงก็ประมาณหกโมงตรง แขกที่ห้องอาหารยังไม่เยอะเท่าไร ก็เลยมีโอกาศได้เลือกที่นั่งนานหน่อย ฮ่าๆ เราเลือกที่นั่งโซนกลางค่ะ ขอบอกว่าติดเวทีการแสดงแบบแนบชิด เห็นกันทุกอิริยาบถเลยทีเดียวค่าาา
พอเลือกโต๊ะได้แล้ว บนโต๊ะก็จะมีเมนูให้เราเลือก เริ่มจาก Appetizer (เมนูทานเล่น) Main Courses (อาหารจานหลัก) และ Dessert (ของหวาน) ซึ่งแต่ละเมนูเราสามารถเลือกได้หนึ่งอย่างค่ะ แต่เนื่องจากเราไปกันสองคน และเกิดอาการเลือกไม่ถูกเลยสั่งมาคนละแบบเลย ฮ่าๆ (ได้ทานทุกเมนูครบ! )
ไหนๆ รายละเอียดอารหารเป็นไงน๊าาา??
พอสั่งอาหารไปสักพัก เดินถ่ายรูปเพลินๆ ได้ไม่นาน Appetizer เมนูแรกก็มาเสิร์ฟแล้ววววว หน้าตาดูดี ขอแชะภาพไว้แบบเยอะๆ เลยค่ะ ฮ่าๆ
Appetizer (เมนูทานเล่น)
Rock lobster poached, avocado, Hokkaido scallop, charcoal mayo and smoked butter
ลุ้นๆ กับเมนูข้างในนนน
เปิดออกมาแล้วววว
สำหรับเมนูนี้จะเป็นสลัดล็อปสเตอร์ ที่วางมาบนซอสมายาองเนสผสมชาโคลและเนย ส่วนอีกด้านจะเป็นหอยเชลล์ฮอกไกโด มาพร้อมไข่ปลาแซลมอน เมนูนี้ราคา 690฿
- หอยเชลล์ฮอกไกโด ส่วนตัวแล้วชอบมากกก หอยสด ไม่มีกลิ่นคาว เนื้อเด้ง ทานคู่กับไข่ปลาแซลมอนที่ให้มาบอกเลยว่าเข้ากันมาก จะมีรสชาติเค็มๆ นิดจากตัวไข่ปลา และสามารถทานกับอะโวคาโดก็เข้ากันไปอีกแบบด้วยนะคะ ^^
- สลัดกุ้งล็อปสเตอร์ สำหรับตัวนี้ต้องบอกเลยว่าเนื้อล็อปสเตอร์เด้งมาก ชอบตรงที่ให้มาเป็นชิ้นโตๆ ไม่มีหวง ตัวล็อปสเตอร์วางมาบนมายองเนสที่ถูกผสมด้วยชาโคลและเนย โดยรวมแล้วโคเคเลยค่ะ แต่ส่วนตัวคิดว่าตัวมายองเนสที่ผสมชาโคลข้นไปหน่อย อ่อเมนูนี้ทานกับอะโวคาโดก็เข้ากันด้วยค่ะ
Soft southern Italian buffalo cheese with cherry tomatoes, rocket salad, basil pesto and Parma ham
สำหรับเมนูนี้ตัวชีสเป็นชีสนมควาย นำเข้าจากอิตาลี เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศเชอรี่ สลัดผักร็อกเก็ตกับเพสโต้ และพาร์มาแฮม (ราคา 550฿)
เมนูนี้เป็นสลัดร็อกเก็ตกับเพสโต้ มีแฮม และชีสนมความค่ะ บอกเลยว่าได้ยินชื่อชีสตอนแรกแอบมีสะดุดนิดหน่อย เพราะส่วนตัวก็ไม่เคยทานชีสนมควายมาก่อนเลย ฮ่าๆ นั่งทำใจสักพักก็เริ่มเปิดใจ ลงมือทานเล๊ยยย สำหรับรสชาติบอกเลยว่า... ผ่าน!! ส่วนตัวคิดว่ารสชาติดีค่ะ ตัวพาร์มาแฮมรสชาตดี ไม่เค็มมาก ตัวชีสหอมกลิ่นนมนื้อนุ่มๆ หนืดๆ ทานพร้อมกันทั้งสามอย่างนี่ก็วางช้อนไม่ลงเลยค่ะ ฮ่าๆ
Traditional Sardinian style lobster salad with mixed greens, red onion, cherry tomato & celery
เมนูสลัดกุ้งล็อปสเตอร์ เป็นสูตรดั้งเดิมสไตล์ซาร์ดิเนีย เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผัก หอมแดง คื่นช่ายฝรั่ง และมะเขือเทศเชอรี่ ราคา 590฿
ตัวนี้เป็นสลัดกุ้งล็อปสเตอร์เหมือนกันค่ะ แต่ว่าจะเป็นสูตรดั้งเดิมสไตล์ซาร์ดิเนีย สำหรับเมนูนี้บอกเลยว่า...ทั้งสองคนลงความเห็นว่า "อร่อย" ทุกอย่างคือลงตัวมาก ตัวสลัดทุคลุกเคล้ามากับน้ำสลัด รสชาติจะออกคล้ายๆ ยำของบ้านเรา (ขาดแค่รสเผ็ดแค่นั้นเอง ฮ่าๆ) ทานๆ แล้วได้กลิ่นหอมแดง ซึ่งแปลกใจเหมือนกันเพราะปกติเป็นคนไม่ทานหอมแดง แต่สำหรับเมนูนี้ทานเรียบ! อิอิ
Main Courses (อาหารจานหลัก)
Pan fried snow fish served with tomato, anchovy, olives and caper sauce, grilled polenta and spinach
เมนูปลาหิมะย่างเสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศ ปลาแอนโชวี่ และซอสมะกอกกับเคเปอร์ ทานคู่กับโพเลนต้าย่าง และผักโขม (ราคา 1,530฿) รสชาติตัวนี้เนื้อปลาแน่นมากกก ย่างกำลังดีเลยค่ะ ทานคู่กับซอสมะกอก ตัวซอสรสชาติจะมีรสชาตเปรี้ยวนำ ถือว่าเข้ากับเนื้อปลาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ส่วนตัวชอบโพเลนต้าย่างมากๆ เพราะมีกลิ่นหอมของการย่างแบบเฉพาะตัวค่ะ
Linguini with lobster, brandy and cherry tomato sauce
น่าทานมากก ล็อปสเตอร์มาแบบแน่นๆ
เส้นลิงกวินี่ผัดล็อบสเตอร์ และบรั่นดี มาพร้อมมะเขือเทศเชอรี่ (ราคา 1,250) เมนูนี้ตอนพนังงานยมาเสิร์ฟบอกเลยว่าโอ้โหมากกก เพราะจานใหญ่มากค่ะ แถมล็อปสเตอร์ก็มาแบบเต็มๆ มาถึงก็ไม่รอช้าขอชิมก่อนเลย ฮ่าๆ รสชาติของตัวนี้เส้นจะหอมมันกุ้ง รสชาติกลมกล่อมไปด้วยกันหมดไม่มีรสไหนโดดขึ้นม่ค่ะ ชอบตรงที่เนื้อล็อปสเตอร์เค้าแน่นมากกกก ทานคู่กับมะเขือเทศเชอรี่ก็เข้ากันไปอี้กกกก
Grilled grass-fed beef tenderloin sliced with rocket, Grana Padano & balsamic reduction
เนื้อสันในย่างหั่นเป็นชิ้น ทานคู่กับสลัดผักร็อคเก็ต พร้อมชีสพาเมซานและซอสบัลซามิกเข้มข้น (ราคา 1,100) สำหรับเนื้อสันในตัวนี้บอกเลยว่าคนรักเนื้อไม่ควรพลาด! เนื้อคือดีมากกก เชฟย่างได้แบบพอดี ย่างเป็นแบบ medium rare ตัวเนื้อมีความช่ำแถมโรสเกลือมาด้านบน ส่วนตัวเลิฟๆ ตัวนี้มากค่ะ ก่อนทานบีบเลม่อนลงสะหน่อยยย ทานคำแรกเนื้อนุ่มมาก หอมกลิ่นย่างไฟ เคียวๆ ไปสักพักจะได้รสชาติของเกลือที่โรยมาด้านบน หืมมมพูดแล้วก็หิวขึ้นมากอีกแล้วค่ะ ฮ่าๆ จะทานคู่กับสลัดร็อคเก็ต หรือพาเมซานก็เข้าไปหมดเลย
Chicken breast wrapped with pancetta, filled with mozzarella cheese, sun dried tomato and truffle sauce
แพนเชตต้าพันอกไก่ยัดไส้ ชีสมอสซาเรลล่า มะเขือเทศอบแห้ง เสิร์ฟพร้อมซอสเห็ดทรัฟเฟิล (ราคา 780฿) เมนูก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ชอบมากเหมือนกันค่ะ (แล้วนี่ไม่ชอบอะไรบ้างหะ? 5555+) เนื้อไก่ที่เห็นแน่นๆ แบบนี้พอหั่นออกมาแล้วเนื้อนุ่มมากก ตัวไส้เป็นมอสซาเรลล่าชีสกับมะเขือเทศอบแห้ง ทานครั้งแรกแทบไม่รู้เลยว่าเป็นมะเขือเทศเพราะรสชาติไม่เหมือนมะเขือเลย :D ทานคู่กับมันบดเนื้อเนียน และซอสเห็ดทรัฟเฟิล จะบอกว่าซอสเห็ดอร่อยมากๆ เลย อิอิ
การแสดงสด "FLAVORTALE"
นั่งทานอาหารไปสักพัก เวลาประมาณ 20:00 น. ไฟก็ดับลง.... โชว์จะเริ่มแล้วววว ในส่วนของการแสดง "FLAVORTALE" โชว์จะแบ่งออกเป็น 3 โชว์ค่ะ ส่วนตัวชอบแนวคิดที่ว่าเอารสชาติของมาอาหารมาออกแบบเป็นโชว์ต่างๆ ก่อนที่แต่ละโชว์จะเริ่มก็จะมีขนมมาเสิร์ฟก่อน เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ในแต่ละโชว์
TASTS OF FIRE
TASTS OF FIRE โชว์นี้มาจากรสชาติเผ็ด ได้แรงบันดาลใจมาจากความหลงไหล เปลวไฟ และความโกรธ เป็นการเต้นสไตล์ฟามิงโก และเต้นแท็ป
SWEET TEMPTATION
SWEET TEMPTATION โชว์นี้มาจากรสหวาน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสนุกสนาน ความขี้เล่น ผสมผสานความเจ้าชู้
เป็นการเต้นบัลเล่ต์ร้วมสมัย (ส่วนตัวชอบโชว์นี้มากๆ )
SALT & PEPPER HERE
SALT & PEPPER HERE โชว์นี้มาจากชื่อวงดนตรีในยุค 1890 ชื่อวง SALT & PEPPER การแสดงจะมีความสนุกสนาน
โดยมีนักแสดงชาย 2 คน แต่งตัวเปป็นกระปุกเกลือ และพริกไทย และโชว์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโชว์หนึ่งของเลดี้ กาก้า
หลังโชว์จบก็นั่งชิลๆ ดื่มด่ำบรรยากาศไปสักพัก... พักท้องฟังเพลงเพลินๆ ก่อนที่จะไปถึงช่วงเวลาที่โปรดปราน ช่วงของหวานนั่นเองงงงง
Dessert (ของหวาน)
Coffee Parfait with Madagascar vanilla gelatin and caramelized dry nuts
กาแฟพาร์เฟต์ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลามาดากัสการ์ และถั่วคาราเมลแห้ง (ราคา 270฿) ตัวนี้เป็นไอศกรีมกาแฟค่ะ มีรสชาติและกลิ่นกาแฟอ่อนๆ ทานได้สบายๆ แถมมีเครื่องเคียงเป็นถั่วเคลือบคาราเมลแห้งอีกด้วย ทานแล้วเข้ากันสุดๆ
Valrhona dark chocolate served 4 ways
เวอร์ฮอน่า ดาร์ก ช็อคโกแลต เสิร์ฟ 4 สไตล์ (ราคา 410฿) ของหวานเมนูสุดท้าย และท้ายสุด ยิ้มๆ #เอาใจคนรักช็อกโกแลตมากกกก เพราะเสิร์ฟมาแบบ 4 สไตล์ เลยค่ะ แต่ที่ชอบมากที่สุดคือ ช็อกโกแลตลาวา ตัวไส้ช็อกโกแลตรสชาตินุ่มละมุนลิ้นมากกก ไม่หวาน และไม่ขมจนเกินไป ยิ่งทานคู่กับสตรอว์เบอร์รี่ที่มีรสเปรี้ยวนิดๆ ตัดรสช็อกโกแลตได้ดีมากๆ เลยค่ะ
การประเมินและให้คะแนน
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
รสชาติอาหาร |
4.2 |
บรรยากาศ |
4.0 |
การบริการ |
4.1 |
ความคุ้มค่า |
4.0 |
คะแนนเฉลี่ย |
4.075 |
จุดเด่นของห้องอาหาร Medici
1.ทางห้องอาหาร Madici เสิร์ฟอาหารอิตาเลียน ที่เป็นสไตล์ฟิวชัน มีความแตกต่าง และมีการตกแต่งจานอย่างสวยงามและดูพิถีพิถัน ทั้งเมนูของคาวและเมนูของหวาน
2.เมนูที่มีกุ้งล็อปสเตอร์ทุกเมนู ทางห้องอาหารให้มาในปริมาณที่เยอะ และไม่หวงเครื่อง
3.เมนูเส้นลิงกวินี่ผัดล็อปสเตอร์ รสชาติดีหอมกลิ่นมันกุ้ง รสชาติกลมกล่อม และมาในปริมาณที่เยอะ ทั้งเส้นลงกวินี่ และเนื้อกุ้งล็อปสเตอร์
4.ของหวานมีให้เลือกหลากหลายและมีรสชาติดี (ส่วนที่เสิร์ฟในคอร์สจะมีให้เลือกแค่เพียง 2 อย่าง)
5.ราคาอาหารถึงจะค่อนข้างสูงแต่ก็เหมาะสม ทั้ง ปริมาณ รสชาติ และ คุณภาพ
ข้อเสนอแนะ
1.ในวันที่เราไป ทางห้องอาหารมีลูกค้าค่อนข้างเยอะ และพนักงานมีจำนวนน้อยอาจจะทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง เช่น การเติมเครื่องดื่ม หรือการเก็บจานที่ทานแล้วค่ะ
สำหรับห้องอาหาร Medici เหมาะสำหรับคนที่อยากทาน หรือชอบทานเมนูอาหารอิตาเลียนในสไตล์ที่หลากหลาย เพราะทางห้องอาหารจะเสิร์ฟเมนูอาหารเป็นคอร์ส ทั้งหมด 3 คอร์สด้วยกัน มีตั้งแต่ Appetizer (เมนูทานเล่น) Main Courses (อาหารจานหลัก) และ Dessert (ของหวาน) และที่สำสำคัญเหมาะแก่การไปทานในโอกาศพิเศษต่างๆ เพราะบรรยากาศร้านโรแมนติกมากค่ะ