(ปิดบริการ) [รีวิว] ร้าน Bake A Wish เติมหวานกับกองทัพเค้กสไตล์ญี่ปุ่น ฟินคุ้ม 90 นาที 299 ฿ @The Avenue เมเจอร์ รัชโยธิน
ถ้ามาห้างในจังหวะที่ฝนตกแรงแถมนานขนาดนี้ คงต้องหาสถานที่หลบพักสักครู่ หลบตัวให้พ้นฝนจะเลือกหลบที่ไหนก็ได้ แล้วถ้าอยากหลบฝนไปพร้อมกับได้ทานของหวานที่ถูกใจ นั่งได้นานจนกว่าฝนจะหยุด นั่นสิไปอยู่ที่ไหนดี... คิดไปคิดมาขอจบที่ร้านเค้กเลยแล้วกันค่ะวันนี้
มาเมเจอร์ รัชโยธินไม่จำเป็นจะต้องมาดูหนังอย่างเดียว มีอย่างอื่นที่สร้างความบันเทิงอีกเพียบ เช่นการทานเค้กที่ร้าน Bake A Wish สาขา The Avenue เมเจอร์ รัชโยธิน ร้านนี้มีเค้กโฮมเมดสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ Suzuki Avenue Ratchayothin ชั้น G ตรงข้ามร้านตัดผม CHALACHOL ซึ่งสาขานี้เปิดมาเกือบ 3 ปี แถมมีคุณสมบัติครบตรงความต้องการคือมีของหวานอย่างเค้กที่ให้เลือกกว่า 40 รายการ ทางร้านยังมีบุฟเฟ่ต์เค้กเอาใจคนรักเค้กตัวจริง ให้เลือกทานเค้ก พร้อมเครื่องดื่มได้ไม่อั้นนานถึง 90 นาที ในราคา (299 บาท) แต่ถ้าใครอยากทานเค้กพอหอมปากหอมคอ ทางร้านมีแบบ A la carte ให้สั่งแบบทีละจาน ราคาเค้กเริ่มต้นที่ (65 บาท) ส่วนทีมงานตัดสินใจมาตั้งแต่อยู่หน้าร้านแล้วค่ะว่าวันนี้ต้องเจอบุฟเฟ่ต์เค้กเท่านั้น
ไปหาของกินแถวเมเจอร์ รัชโยธินกัน
รถโดยสารประจำทางมีหลายสายที่ผ่านค่ะ สาย 39, 114, 26, 206, 129, 63, 59
รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีหมอชิต / รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพหลโยธิน ทางออก 3 จากนั้นต่อรถประจำทางมาได้เลย ผ่านหน้าห้างทุกสาย หรือถ้ามากันหลายคนนั่งแท็กซี่มาได้เลยค่ะ ไม่น่าจะเกิน (60 บาท) สำหรับใครที่ขับรถส่วนตัวมาเอง สามารถนำรถไปจอดภายในตัวอาคาร
SPONSORED
ราคาเดียวหวานได้ไม่อั้น 90 นาที
ย้ำ! อีกครั้งกับราคาบุฟเฟ่ต์เค้กที่ Bake A Wish (299 บาท) ทานได้ 90 นาที เป็นราคาที่เข้าใจคนรักเค้กจริงๆ แต่ถ้าทานไม่หมดก็อยากให้ลูกค้าได้เข้าใจทางร้านด้วยเช่นกัน เพราะจะมีการปรับจานละ 50 บาท เมื่อลูกค้าได้ที่นั่งและระบุจะทานแบบบุฟเฟ่ต์ ทางร้านจะขออนุญาตให้ลูกค้าชำระเงินก่อนทำการสั่งเค้กนะคะ
ด้านหน้าทางเข้ามีป้ายเมนูสวยๆ ของขนม A la carte
299 บาท ราคาของสายบุฟเฟ่ต์เค้กเขาล่ะ
อยู่สวีทกับบุฟเฟ่ต์เค้กได้นาน 90 นาที
เมนูหมวด Party Dish
เมนูของหมวด Dessert
รายการเครื่องดื่มมีเยอะไม่แพ้เค้ก
เลือกเมนูที่ใช่ แล้วติ๊กรายการที่ชอบจาก 3 ใบนี้ ทั้งเค้ก ของหวาน เครื่องดื่ม
Share
Share
Share
Share
Share
บรรยากาศภายในร้าน
ในความโชคร้ายที่เจอฝนเล่นงานเข้าจังๆ ยังมีความโชคดีหลงเหลือที่ได้มาอยู่ในบรรยากาศร้านสวยๆ ดูอบอุ่น ด้วยโทนสีร้านดำ ขาว ทอง มองยังไงก็ไม่เบื่อ มีแสงไฟของร้านรับส่งกับสีสันของเค้กแต่ละแบบได้ดี คนชอบถ่ายรูปเก็บภาพฟรุ้งฟริ้งได้เพียบเลยทีนี้
แถมคนในร้านไม่เยอะ ไม่พลุกพล่าน นั่งทานเค้กแล้วรู้สึกตัวเบา เพราะที่นั่งมีหลากหลายแบบ อยากนั่งเก้าอี้กว้างๆ ให้เลือกมุมหน้าร้าน อยากนั่งมองตู้เค้กเลือกนั่งกลางร้าน แต่ถ้าอยากอยู่แบบส่วนตัวหลบมุมหน่อยต้องทางด้านในสุดเลยค่ะ
ทางเข้ายังไม่สะดุดตาเท่าป้ายราคาที่ดูมีออร่า
SPONSORED
วันไหนร้านเต็ม เก้าอี้ 3 ตัวนี้คงโดนจับจอง
ถึงร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่ทางเดินกว้างพอให้เดินสวนกันได้สะดวก
ทีแรกว่าจะนั่งตัวนี้ค่ะ แต่เห็นว่าดูนั่งสบายเกินไป กลัวจะหลับซะก่อน
เห็นตู้เค้กแล้วรู้สึกอย่างไร ขอ 3 คำ
คำว่า “รัก” ยังน้อยไปสำหรับตู้นี้ใช่ไหมคะ
ผนังตกแต่งสวยๆ จะอยู่มุมที่นั่งด้านในสุด
บริเวณนี้สวยแบบหลบมุม “มุมส่วนตัว”
ทางร้านจะใส่ช้อน-ส้อมมาในตะกร้าแบบน่ารักๆ นิงาย
มุมเครื่องดื่มของทางร้าน
ในตู้มีน้ำแร่ และน้ำส้มให้ซื้อไปดื่มเพื่อสุขภาพที่บ้านด้วย
มุมโปรดสำหรับคนชอบซื้อของฝาก
ที่ร้านมีชูครีม 2 แบบ คือชูครีมแป้งนุ่ม และชูครีมแป้งกรอบ ที่คนส่วนใหญ่ชอบซื้อก่อนกลับ แต่ถ้ายังไม่อยากรีบจากที่นี่ไปไหน นั่งทานที่นี่เลยก็ได้ค่ะ
ชูครีมแป้งนุ่ม แบบ 1 รส คือ วานิลลา แบบ 2 รส คือ วานิลลา และช็อกโกแลต แบบ 3 รส คือ วานิลลา ช็อกโกแลต เมล่อน
ชูครีมแป้งกรอบ มีรสวานิลลา นม ช็อกโกแลต เมเล่อน
Box Set ที่ตั้งวางอยู่บนชั้น ทางร้านจะเอาไว้ใส่ชูครีมให้ลูกค้า
ชูครีมถ้าเก็บอยู่ในตู้เย็นจะอยู่ได้เพียง 1 วัน นับจากวันที่ซื้อ เพราะทางร้านบอกว่าไม่ใส่วัตถุกันเสีย และไม่ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิที่สูง เช่นอย่าวางไว้ในรถที่เพิ่งดับเครื่องใหม่ๆ
ร้านภายนอกดูหวาน แต่แฝงด้วยกฎที่เคร่งครัด
มาแล้วต้องปฏิบัติตามกฎ และให้ความร่วมมือกับทางร้านด้วยนะคะ โดยมีกฎว่า
1. หากลูกค้ารับประทาน Party Dish ไม่หมดเหลือค่อนข้างเยอะ พนักงานจะขออนุญาตปรับจานละ 50 บาท
2. ถ้าเป็น Dessert หากคุณลูกค้ารับประทานไม่หมด โดยเหลือปริมาณขนมเกินครึ่งชิ้น ทางร้านขออนุญาตปรับตามราคาขายของขนมชิ้นนั้นๆ แต่สามารถนำขนมประเภท Dessert ที่ทานเหลือกลับบ้าน
หากทานเหลือ แล้วโดนปรับโกรธทางร้านไม่ได้นะคะ เพราะแจ้งให้ทราบตั้งแต่แรกแล้ว
มาดูคนไทยทำเค้กสไตล์ญี่ปุ่นกัน
นอกจากลูกค้าจะอยู่ในสายตาพนักงาน พนักงานอยู่ในสายตาลูกค้าเช่นกัน เพราะจะได้ไปดูตอนเขาทำตอนไหน เมื่อไรก็ได้ค่ะ
มุมสร้างสรรค์บรรดาเค้ก อยู่หน้าร้านเลย ส่วนโปรโมชั่นของ Mango ชูครีมที่เห็นด้านหน้าหมดเขตไปแล้วนะคะ
ตัวช่วยให้เค้กแต่ละจานสวย และอร่อย พีช ชีสเค้กเต๋า ครัมเบิ้ล อัลมอนด์สไลด์ โอรีโอบด ชาเขียวเต๋า บราวนี่เต๋า และส้ม
ทางร้านกำลังตกแต่งเมนู อุจิ มัทฉะเครปเค้ก
Party Dish
Party Dish ถ้าต้องการเพิ่มหรือลดอะไรออกจากเดิมก็อย่าลืมบอกพนักงานนะคะ เมนูนี้หากเหลือต้องโดนปรับ และเอากลับบ้านไม่ได้ค่ะ
Lava Cheese (ลาวาชีส)
เริ่มที่ Lava Cheese (ลาวาชีส) ทางร้านบอกว่าเป็นเมนูไฮไลท์ของร้าน เพราะลูกค้าที่เป็นสาวกชีส และเมนูนี้เกิดมาเพื่อคนรักชีสตัวจริง เพราะข้างในเป็นชีสเค้ก แปะด้วยแผ่นเค้กอีกที และโรยด้วยชีสแผ่นเต๋าเข้าไปอีก ราดซอส สตรอว์เบอร์รีและวานิลลา ทานกับไอศกรีม 1 Scoop เม็ดอัลมอนด์ และครัมเบิ้ลโรยอีกที
Lava Cheese (ลาวาชีส)
แป้งด้านล่างที่บอกว่านุ่มลื่นเหมือนเยลลี่
ความรู้สึกต่อ Lava Cheese (ลาวาชีส) :
เมนูนี้ตอนมาใหม่ๆ ยังไม่เลี่ยนนะคะ แต่ถ้าทิ้งไว้นานๆ ส่วนผสมทุกอย่างจะค่อยๆ ละลาย ถ้าทานช้าเกินไปเลี่ยนแน่นอน แต่ครัมเบิ้ลที่โรยยังคงความหอมหวาน ชีสลูกเต๋ายิ่งกินยิ่งมันส์ ส่วนแป้งด้านล่างนุ่มลื่นเหมือนเยลลี่ ส่วนสตรอว์เบอร์รีค่อนข้างเปรี้ยวมากตั้งแต่ชิ้นแรกที่ทาน
Uji Matcha Crêpe Cake (อุจิ มัทฉะเครปเค้ก)
เครปเค้กชาเขียวเข้มข้น ทานกับผลไม้หลายชนิด ให้เลือกทานคู่กับไอศกรีมแมคาเดเมียหรือวานิลลา มีน้ำเมเปิ้ลไซรัปเพิ่มให้หวานหนักแน่นขึ้นอีก
Uji Matcha Crêpe Cake (อุจิ มัทฉะเครปเค้ก)
จานนี้มีอะไรให้ลองหลากหลายนอกจากเครปเค้ก มีผลไม้ตัดเลี่ยน และบรานนี่สุดเข้มข้น
คำนี้จะมัดใจชาเขียวเลิฟเวอร์ได้เยอะขนาดไหน
ความรู้สึกต่อ Uji Matcha Crêpe Cake (อุจิ มัทฉะเครปเค้ก) :
คนที่ชอบความหอม และรสชาติของชาเขียวควรสั่งมาทาน เพราะครีมชาเขียวที่ราดมาบนเค้กจะได้ความหอมหวานของชาเขียว ไม่มีความขมแทรกเข้ามา เนื้อเครปเนื้อนุ่ม ไม่หวานจัด มีชาเขียวทาระหว่างชั้น ทำให้ได้กลิ่นหอมอบอวลจากชาเขียวทั่วชิ้น ส่วนบราวนี่ต่อให้ทานคำเล็กๆ ก็ยังได้ความเข้มข้นจากส่วนผสมช็อกโกแลต เข้มจะเกือบจะคิดว่ามีส่วนผสมของกาแฟ แต่ทางร้านบอกว่าเป็นความเข้มของช็อกโกแลตล้วนค่ะ ครั้งนี้ทีมงานขอเป็นไอศกรีมแมคาเดเมีย เพราะอยากได้ความหอมของถั่ว โดยมีครัมเบิ้ลอยู่ใต้ล่างไอศกรีมด้วย หอมหวานมันทั้งไอศกรีม และครัมเบิ้ลเลย มีกีวี และสตรอว์เบอร์รีมาด้วย อยากทานผลไม้เปรี้ยวน้อยๆ ให้เลือกทานกีวีนะคะ
Maple Butter Pancake (Original) (เมเปิ้ล บัตเตอร์แพนเค้ก)
เหมาะกับคนชอบกัดเนื้อนิ่มๆ ของแพนเค้ก กับไซรัปเมเปิ้ล พร้อมครัมเบิ้ลผสมโอรีโอ้บด
Maple Butter Pancake (Original) (เมเปิ้ล บัตเตอร์แพนเค้ก) ผสมครัมเบิ้ล และโอรีโอ้บดมาเลยด้านข้าง
ไซรัปเมเปิ้ล ถึงจะให้มาครึ่งขวดแต่ก็เพียงพอสำหรับแพนเค้ก 3 ชิ้นแน่ค่ะ
ความรู้สึกต่อ Maple Butter Pancake (Original) (เมเปิ้ล บัตเตอร์แพนเค้ก) :
เนื้อแพนเค้กจะออกเค็มเนย ใครชอบทานเค็มอยู่แล้วไม่ต้องราดน้ำไซรัปมากก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครอยากลดความเค็ม ราดไซรัปเมเปิ้ล จะตัดเค็มจนได้ความพอดี สำหรับคนที่อยากทานครัมเบิ้ล และโอรีโอ้บด แบบแยกกันลองแจ้งที่ร้านก่อนนะคะ เพราะจานนี้ทางร้านผสมครัมเบิ้ล และโอรีโอ้บดมาด้วยกันเลย
Dessert
มาถึง Dessert ปริมาณอาจจะไม่ใหญ่จัดเต็มเท่า Party Dish แต่หวานไม่แพ้กันค่ะ เมนูนี้ถ้าทานเหลือต้องโดนปรับ แต่สามารถนำกลับบ้านได้ค่ะ
แก็งค์สตรอว์เบอร์รี
Melt in The Mouth (เมลอินเดอะเม้าท์)
ทางร้านจะใส่มาในฟรอยด์วงรีแผ่นฟรอย ครีมจะนุ่มๆ ละลายในปากเป็นครีมนม ตกแต่งด้วยผลไม้ ข้างล่างเป็นชีส
Melt in The Mouth (เมลอินเดอะเม้าท์)
ความรู้สึกต่อ Melt in The Mouth (เมลอินเดอะเม้าท์) :
ครีมขาวๆ ไม่หวานจนเกินไป ชีสข้างในด้านล่างช่วยเพิ่มรสเค็ม ชอบแผ่นช็อกโกแลตที่มีโลกโก้ชื่อร้าน Bake A Wish ค่ะ ถึงจะเป็นช็อกโกแลต แต่ทางร้านยังตกแต่งให้เห็นเป็นโลโก้ ส่วนตัวอยากให้มีช็อกโกแลตในเมนูนี้มากขึ้นกว่า 1 อันนะคะ เพราะปริมาณครีมดูจะเยอะมากไป
Josephine Strawberry Cheesecake (โจเซฟิน สตรอเบอร์รีชีสเค้ก)
มีครัมเบิ้ลบดเป็นรูปทรงเหมือนคุ้กกี้อยู่ด้านล่าง ใครทานครัมเบิ้ลแบบเป็นเม็ดเล็กๆ ยังไม่จุใจ ลองสั่งเมนูนี้ได้ทานครัมเบิ้ลเต็มปากเต็มคำแน่นอน
Josephine Strawberry Cheesecake
ความรู้สึกต่อ Josephine Strawberry Cheesecake (โจเซฟิน สตรอเบอร์รีชีสเค้ก) :
มูสสตรอว์เบอร์รีออกเปรี้ยวหวาน ครัมเบิ้ลรูปทรงเหมือนคุ้กกี้ไม่หวานแบบคุ้กกี้ แต่กว่าจะตักได้แต่ละอย่างต้องผ่านด่านสตรอว์เบอรี่ด้านบนที่มี 5 ชิ้นก่อนค่ะ
Snow Queen (สตรอเบอร์รีมิลค์ครีมเค้ก)
เป็นเค้กสปันจ์วานิลลา มีครีมนมเพิ่มความหอมหวาน รอบๆ ลูกสตรอว์เบอร์รียังตกแต่งด้วยลูกเล่นให้ครีมนมนูนขึ้น ดูน่าสนใจขึ้น
Snow Queen (สตรอเบอร์รีมิลค์ครีมเค้ก)
ความรู้สึกต่อ Snow Queen (สตรอเบอร์รีมิลค์ครีมเค้ก) :
เนื้อสตรอเบอร์รีคอยสลับในเนื้อเค้กหวานแบบเข้ากันพอดี และยังได้ฟินกับลูกสตรอเบอร์รีใหญ่อีก 1 ลูกด้านบน ใครกำลังหิวโหยของหวานแก้วนี้แป๊บเดียวหมดค่ะ เพราะเนื้อครีมบางเบา เนื้อเนียนชวนให้ทานเพลิน
Banoffee (บานอฟฟี่)
ใครเริ่มอยากพักกับสตรอว์เบอรี่ เปลี่ยนมาทานเมนูที่มีส่วนประกอบของกล้วยหอมอย่างบานอฟฟี่สักถ้วยสิคะ
Banoffee (บานอฟฟี่) ด้านบนครีมนม โรยด้วยผงโกโก้หนาพอประมาณ
ตรงโอรีโอ้บดมีเนื้อคาราเมลนิดๆ เพิ่มความหอม
ความรู้สึกต่อ Banoffee (บานอฟฟี่) :
แนะนำให้ตักทานจากด้านล่างสุด จะได้ทานกล้วยหอมเนื้อเนียนละเอียดที่อัดอยู่ข้างล่าง ตักขึ้นมาเจอผงโกโก้ เข้มข้นเข้ากับครีมนมด้านบน
เครื่องดื่ม
สำหรับบุฟเฟ่ต์เครื่องดื่มลูกค้าสามารถทานได้เรื่อยๆ ในเวลา 90 นาทีเช่นเดียวกับเค้ก ถ้าแก้วแรกที่สั่งเหลือน้อย หรือหมดแล้วสามารถรับแก้วใหม่ได้ค่ะ กรณีที่เหลือต้องเหลืออย่างน้อย 1/4 แก้ว ถึงจะสามารถสั่งแก้วต่อไปได้
Green Apple Soda (Italian Soda) กรีนแอปเปิ้ลโซดา (อิตาเลี่ยนโซดา)
ที่เลือกสั่ง Green Apple Soda (Italian Soda) กรีนแอปเปิ้ลโซดา (อิตาเลี่ยนโซดา) เพราะตอนนี้ได้รับความหวานจากเค้กมามากพอแล้ว เลยอยากดื่มอะไรซ่าๆ เย็นๆ เพื่อตัดเลี่ยนค่ะ
Green Apple Soda (Italian Soda) กรีนแอปเปิ้ลโซดา (อิตาเลี่ยนโซดา)
ความรู้สึกต่อ เครื่องดื่ม : รสชาติซ่าออกเปรี้ยวซ่า และหอมแบบสดชื่น มีแอปเปิ้ลเขียว เปเปอร์มิ้นต์ ตกแต่งสวยๆ และสามารถทานได้
ไม่ต้องสั่งเครื่องดื่มมาเยอะก็ได้ค่ะ ทางร้านมีบริการน้ำเปล่าฟรี เก็บแรงไว้ทานเค้กให้เต็มที่ดีกว่า
สำหรับราคาอาหารทั้งหมดของทีมงาน RyoiiReview มียอดรวมที่ต้องจ่ายทั้งหมด (798 บาท) โดยมีค่าบุฟเฟ่ต์เค้ก 2 ท่าน (ท่านละ 299 บาท) รวมเป็น 598 บาท (รวม Vat 7 %) และมีค่าปรับเนื่องจากทานบางเมนูไม่หมดเป็นจำนวน 200 บาท
บิลค่าบุฟเฟ่ต์เค้กจำนวน 2 ท่าน
บิลค่าปรับที่ทานไม่หมด
SPONSORED
การประเมิน และให้คะแนน
|
รูปแบบของการประเมิน |
คะแนน |
|
รสชาติอาหาร |
4 |
|
บรรยากาศ |
4.1 |
|
การบริการ |
3.9 |
|
ความคุ้มค่า |
4 |
|
คะแนนเฉลี่ย |
4 |
มาบุฟเฟ่ต์เค้กร้านนี้ผลไม้อะไรที่รสปรี้ยว ก็คือเปรี้ยวจริง ขนม หรือเค้กที่หวานก็คือหวานจริง ส่วนแบบเปรี้ยวพอดี หวานพอดีก็ยังมีให้ทาน แต่ต้องลองเลือกสั่งเองจนกว่าจะเจออะไรที่พอดีกับตัวเรา
ทานไปก็รู้สึกลุ้นดีค่ะว่าจานนี้ถ้าตักคำแรกรสชาติจะเป็นอย่างไร ยิ่งคนเพิ่งมาทานครั้งแรกถ้าไม่ศึกษาข้อมูลมาก่อนไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าแต่ละเมนูรสชาติเป็นแบบไหน แต่ถ้าใครอยากได้ความตื่นเต้น ต้องมาแบบไม่หาข้อมูลมาก่อนจะได้ลุ้นตอนทานทีเดียว เจอเปรี้ยวสุด หวานสุดบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาติไม่น่าเบื่อ
ความเข้มข้นของบราวนี่ ชาเขียวที่นี่ รู้สึกเข้มข้นกว่าหลายๆ ที่ เข้มข้นตั้งแต่คำแรกที่ทาน ส่วนผลไม้ก็สด และออกเปรี้ยวอยู่เหมือนกัน นำมาทานด้วยกันได้ 2 รส ในเวลาเดียวกันพอดี
ระบบชำระเงินก่อนทานบุฟเฟ่ต์เค้กก็สะดวกตรงที่เวลาจะกลับเกิดมีลูกค้ามารอจ่ายพร้อมกัน เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอคิวด้วย
มีส่วนนึงที่อยากให้ทางร้านปรับปรุงเพิ่มเติมนั่นคืออยากให้ติดป้ายใหญ่ๆ เพราะบางคนที่ทานเหลืออาจยังไม่รู้ว่า Party Dish กับ Dessert ต่างกันอย่างไร อะไรที่เหลือแล้วเอากลับไม่ได้ หรืออะไรที่เหลือแต่สามารถนำกลับไปทานต่อที่บ้านได้ พร้อมบอกปริมาณที่เหลือทั้งเค้ก และเครื่องดื่มแต่ละแก้วให้ชัดเจนว่าเหลือเท่าไหนปรับราคาเท่าไร ลูกค้าบางคนจะได้ควบคุมตัวเองถูกด้วยค่ะ
ในส่วนของลูกค้าก็ควรทำความเข้าใจนโยบายทางร้านด้วยเช่นกัน เพราะแต่ละเมนูทางร้านก็ตั้งใจเลือกวัตถุดิบที่ดี ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย จึงอยากให้ลูกค้าทุกคนเห็นความสำคัญของวัตถุดิบของทางร้านด้วยเช่นกันค่ะ
จุดเด่นของร้าน Bake A Wish สาขา The Avenue เมเจอร์ รัชโยธิน
1. ราคาบุฟเฟ่ต์เค้ก 299 บาท นับว่าคุ้มมากสำหรับคนที่ชอบทานเค้กจริงจัง ทานแบบไม่รู้สึกเบื่อแม้จะต้องทานเยอะแค่ไหน เพราะมีให้เลือก 40 เมนู ต่อให้ทานเมนูประเภท Party Dish ที่ส่วนใหญ่จะได้ปริมาณเยอะ หมด 2 จาน ขึ้นไป ถือว่าได้รับความคุ้มค่าค่ะ
2. บรรยากาศสวยงามแม้กระทั่งป้ายหน้าร้าน และเมนูอาหารในร้าน เฟอร์นิเจอร์การตกแต่งก็ดูเก๋ มองแล้วไม่เบื่อ มาแล้วจะรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น
3. พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ดูเป็นมิตรกับลูกค้า
4. ปริมาณเค้กแต่ละเมนูได้เยอะ และเหมาะกับคนชอบทำครีมนุ่มๆ พร้อมเนื้อเค้กเนียนๆ ที่ทำจากวัตถุดิบมีคุณภาพ คนชอบทานเค้กมาแล้วอาจชอบเกือบทุกเมนูเลยก็ได้
5. ผลไม้ที่จัดมาพร้อมเค้กค่อนข้างสด
6. การจัดวางอาหารที่นี่ถือว่าสวย และดูประณีต ทำให้รู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
7. ภาชนะที่ใส่อาหาร รวมถึงช้อน-ส้อมที่ใส่มาในตะกร้า ดูสะอาดไม่มีรอยคราบ
ข้อเสนอแนะ
1. อยากให้ขึ้นป้ายให้เห็นเด่นชัดของรายละเอียดการปรับ เช่นเมนูใดที่ทานเหลือแล้วสามารถนำกลับได้ หรือเค้ก เบเกอรี่ ต่างๆ เหลือกี่กรัมขึ้นไปจะต้องโดนปรับราคาเท่าไร
2. เมนูของทางร้านภาพสวย มองเข้าใจง่าย แต่ยังไม่มีภาษาไทย ใครต้องการทราบชื่อเมนูภาษาไทย จะต้องหยิบใบสั่งรายการมาดูเทียบเคียงอีกที อีกอย่างเมนูมีขนาดใหญ่มาก อาจถือลำบากสักหน่อยค่ะ
3. ป้ายโปรโมชั่น Mango ชูครีม ที่ติดไว้ตรงเคาน์เตอร์ ซึ่งหมดโปรโมชั่นไปแล้ว อยากให้ทางร้านเอาออก เพื่อลูกค้าท่านอื่นจะได้ไม่สับสนเพราะคิดว่ายังมีอยู่ค่ะ
4. สาขา The Avenue เมเจอร์ รัชโยธิน มีแต่ของหวานเท่านั้น ใครอยากทานอาหารคาวต้องไปที่สาขาสุขสวัสดิ์ 19 ค่ะ
5. เฉพาะบุฟเฟ่ต์เค้กจะเปิดบริการตั้งแต่ 12.30 น. ทำให้คนที่สะดวกมาทานตอน 10.00 น. ยังไม่ได้รับบริการตรงนี้ในช่วงสาย
6. เครื่องดื่มจะต้องดื่มหมดหรือเหลือน้อย ถึงจะสั่งแก้วต่อไปได้ แปลว่าถ้าบางท่านเกิดไปสั่งเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติไม่ถูกปาก จะต้องอดทนดื่มให้เกือบหมด ถึงจะเริ่มสั่งเครื่องดื่มใหม่ได้
เนื่องจากราคาน่าคบหา แถมมี Option ที่กำลังต้องการคือนั่งได้นาน มื้อนี้คนรักเค้กคงได้ตักตวงความหวานของเค้ก และความสุขกับการมาเยือนที่แห่งนี้แบบเต็มที่นะคะ ใครตั้งใจมาทานบุฟเฟ่ต์เค้กต้องมาที่ร้านเวลา 12.30-20.00 น. แต่ถ้าใครทานเค้กแบบ A la carte ที่ร้านเปิดบริการตั้งแต่ 10.00-23.00 น. และปิดการขาย 22.00 น. ส่วนสาขาอื่นที่มีบุฟเฟ่ต์เค้กคือ สาขาสุขสวัสดิ์ 19 และสาขาเดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ สะดวกทานที่ไหนก็เลือกไปสาขานั้นได้เลยค่ะ
