5 แนวทางการปฏิบัติและการทานอาหารให้มีสุขภาพดี และความเชื่อผิดๆ ตามพีระมิดอาหาร
PHOTOGRAPH BY TOMERTU/SHUTTERSTOCK
ในช่วงยุค 1970 อัตราการป่วยเป็นโรคอ้วน และโรคหัวใจเพิ่มขึ้นมากในชาวอเมริกัน จึงได้มีการประชุมจากหลายฝ่ายเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจสุขภาพของชาวอเมริกัน โดยผลสรุปของการประชุมครั้งนี้คือ การสร้างลิสต์รายการอาหารที่ควรทาน หรือที่เราเรียกว่า พีระมิดอาหาร (Food Pyramid) พีรามิดอาหาร คือรูปแบบ และแนวทางการบริโภคอาหารที่ถูกออกแบบมาให้คนได้เลือกบริโภคอาหารในแต่ละหมวดหมู่อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้รับปริมาณแคลอรี่ที่พอดีกับที่ร่างกายต้องการ โดยกลุ่มที่อยู่ล่างสุดหรือฐานคือ กลุ่มอาหารที่ควรรับประทานมากที่สุด ไล่ขึ้นไปจนถึงยอดของพีระมิดคืออาหารที่ควรรับประทานน้อยที่สุด
ด้านล่างสุดของกลุ่มของพีระมิดอาหารคือ กลุ่มคาร์โบไฮเดรตหรืออาหารประเภทแป้ง เช่น ขนมปัง พาสต้า ข้าว และซีเรียล ซึ่งกำหนดให้บริโภคครั้งละ 6 – 11 หน่วยบริโภค และกลุ่มบนสุดของ พีรามิดอาหารที่แนะนำให้ทานน้อยที่สุดคือกลุ่มไขมัน
ส่วนนี้เองทำให้คนส่วนใหญ่หันไปเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น นมพร่องมันเนย และเลือกใช้น้ำมันที่ได้จากผักซึ่งมีส่วนประกอบของทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน และเชิงเดี่ยว (polyunsaturated and monounsaturated fats) เพื่อแทนที่ไขมันอิ่มตัวที่ได้จากผลิตภัณฑ์จากสัตว์
อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาถึงลิสต์รายการอาหารนี้มีการแนะนำให้บริโภค ในส่วนของคาร์โบไฮเดรตถึง 60 เปอร์เซ็นต์ต่อการบริโภคใน 1 วัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคาร์โบไฮเดรตเหล่านี้เมื่อย่อยแล้วจะกลายเป็นน้ำตาล และถูกสะสมอยู่ในร่างกายในรูปแบบของไขมัน ในแต่ละปีเราจะบริโภคแป้งไปมากถึงประมาณ 146 ปอนด์ต่อปีดังนั้นหากนำน้ำตาลจากคาโบไฮเดรตมารวมกับน้ำตาลที่เราบริโภคในอาหารตามปกติที่ประมาณ 152 ปอนด์ในแต่ละปี เราก็ได้รับน้ำตาลมากถึง 298 ปอนด์ต่อปีสรุปแล้วเราอาจจะต้องบริโภคน้ำตาลเกือบ 1 ปอนด์ในทุกๆ วันหากรับประทานอาหารตามที่พีระมิดอาหารระบุ
กลุ่มผู้ผลิตอาหารจึงผลิตอาหารโดยใช้หลักของพีระมิดอาหารเป็นตัวกำหนด โดยส่วนมากจะผลิตอาหารที่เน้นไขมันต่ำ เช่น น้ำสลัดไขมันต่ำ โยเกิร์ต และของหวานไร้ไขมัน ซึ่งคำแนะนำเดิมๆที่ว่าควรเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำจึงจะดีต่อสุขภาพนั้น ซึ่งสวนทางกับงานวิจัย และข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าการเลือกบริโภคไขมันที่ดีต่างหากเป็นสิ่งที่ควรทำ
กล่าวโดยสรุปแล้ว พีระมิดอาหารไม่ได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งจะถูกย่อยเป็นน้ำตาล และกลายเป็นไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายภายหลัง อีกทั้งยังมีการแนะนำให้บริโภคสูงถึง 6 -11 หน่วยบริโภคต่อวัน (3-5 ครึ่งถ้วย) ซึ่งถือว่ามากเกินไป
SPONSORED
ดังนั้นสิ่งที่เราควรบริโภคควรจะเป็นผัก ผลไม้ และไขมันที่ดีจากแหล่งอาหารต่างๆเช่น ไข่ไก่ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และเนยที่ทำจากนมของวัวที่ทานหญ้า และควรทำตาม 5 หลักการง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราเลือกทานอาหารได้อย่างถูกหมวดหมู่ และได้รับประโยชน์เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ดังต่อไปนี้
#1 เซย์โนต่ออาหารที่แปรรูป
หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่ผ่านการแปรรูปเช่น ไส้กรอก เบคอน แต่เลือกทานพวกผักสด ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว และโปรตีนที่ได้จากปลา ไก่ และไข่
#2 เซย์เยสต่ออาหารที่มี “ไขมันดี”
อาหารที่มีไขมันซึ่งดีต่อร่างกายมักจะอยู่ในปลาทะเล ถั่ว เมล็ดธัญพืช รวมไปถึงเนื้อวัวที่ได้จากวัวกินหญ้า และอะโวคาโด้
#3 จัดการความเครียด
ยิ่งเครียดยิ่งอ้วน แถมเหนื่อย และเศร้าใจ ดังนั้นควรหากิจกรรมอะไรทำเพื่อไม่ให้ความเครียดมาครอบงำ อย่างการเล่นโยคะ การนั่งสมาธิ หรือการหายใจยาวๆ ลึกๆ ก็สามารถช่วยลดความเครียดได้
#4 กระฉับกระเฉงเข้าไว้
ถ้ารู้สึกว่าเช้านี้เฉื่อยๆ ไม่อยากทำอะไร ให้เริ่มหาอะไรทำเพื่อให้ร่างกายตื่นตัว อย่างการเดินสัก 30 นาทีก็จะช่วยได้เยอะ
#5 ดูแลสุขภาพแล้ว อย่าลืมใส่ใจสุขภาพการนอนด้วย
การนอนไม่พอหรือการนอนหลับไม่สนิทจะทำลายระบบเผาผลาญ ซึ่งส่งผลให้เรารู้สึกอยากอาหาร และหิวตลอดเวลาโดยเฉพาะพวกน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรต อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ โรคเบาหวาน
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกรับประทานอาหารแบบใด การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลย หากอยากมีที่ร่างกายที่แข็งแรง ปลอดภัยไร้โรค จึงเป็นต้องอาศัยสองปัจจัยนี้คืออาหาร และการออกกำลังกายจึงจะมีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างที่ใจหวัง
ที่มา และรูปภาพ: rodalesorganiclife
