อยากรู้ไหมว่า...ลูกแพร์กับแอปเปิ้ลอันไหนดีกว่ากัน?
ด้วยหน้าตาและลักษณะที่คล้ายคลึงกัน หลายๆคนคงสงสัยว่าสารอาหารข้างในลูกแพร์จะมีเหมือนแอปเปิ้ลหรือไม่ แล้วถ้าไม่เหมือนแล้วจะซื้ออะไรกินดีระหว่างแอปเปิ้ลและลูกแพร์? ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว
มาหาคำตอบกันเถอะ!
กินแอปเปิ้ลวันละลูกดีจริงไหม?
ตามสำนวนที่ว่า “an apple a day keeps a doctor away” หมายถึงการรับประทานแอปเปิ้ลสักหนึ่งลูกต่อวันจะช่วยไม่ให้เป็นโรคนั้นเป็นความจริง แอปเปิ้ลนอกจากจะเป็นแหล่งวิตามินซีชั้นยอดแล้ว ยังมีไฟเบอร์สูงถึง 4 กรัมแต่มีเพียง 95 แคลเลอรี่เท่านั้น แต่ก็มีสารอาหารอื่นๆประกอบด้วยเช่น โพแทสเซียม วิตามินบี6และวิตามินเค และแอปเปิ้ลไม่ได้อร่อยเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีสารที่ชื่อว่า เควอซิทินและโฟลริดซิน ที่ช่วยต่อสู้กับโรคระบบหัวใจและเชื้อมะเร็ง แถมเปลือกแอปเปิ้ลก็อย่าทิ้งเพราะกินได้แถมได้ประโยชน์ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเบต้าแคโรทีน
แล้วกินลูกแพร์ดีกว่าหรือเปล่า?
ลูกแพร์ก็มีคุณค่างทางสารอาหารคล้ายๆกับแอปเปิ้ล เพราะมีวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระและโพแทสเซียมที่เหมือนกัน แต่มีแคลเลอรี่ที่สูงกว่านิดหน่อยเพียง 100 แคลเลอรี่แต่ไฟเบอร์สูงถึง 6 กรัม (นับเป็น 24เปอร์เซ็นต์ที่ควรได้รับต่อวัน!) และสารอาหารอื่นๆอีกมากมายเช่น ธาตุทองแดง วิตามินบีรวมและแอนโทไซยานิน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้และอย่าปอกเปลือกทิ้งนะจ้ะ กินไปเลยทั้งลูก!
จากการเปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลและลูกแพร์จะเห็นว่าผลไม้ทั้งสองชนิดนี้สามารถกินแทนกันได้ แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย
แล้วเลือกลูกแพร์ยังไงดีละ?
ลูกแพร์ที่ขายตามท้องตลาดนั้นมักจะยังไม่สุกเต็มที่ เพราะลูกแพร์มักจะถูกเก็บจากต้นตอนเจริญเติบโตเต็มที่เท่านั้นแต่ยังไม่สุก ดังนั้นเมื่อซื้อมาแล้วควรปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องก่อนจะรับประทาน และวิธีการจะดูว่าลูกแพร์สุกได้ที่หรือยังคือดูที่เนื้อรอบ ๆ ก้าน หากเริ่มนิ่มและผิวลูกแพร์บุ๋มลงเล็กน้อยเมื่อกดลงไปเล็กน้อยแสดงว่ารับประทานได้แล้วและสามารถนำไปแช่ตู้เย็นได้เป็นเวลา 4-5วัน
ที่่มา: foodnetwork
รูปภาพ: wikipedia , healthyfig , dreamstime & hellobeautiful