8 แนวทางควบคุมน้ำหนักสุดแปลกแต่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงวิทยาศาสตร์คอนเฟิร์ม!
“เขาว่ากันว่า...” คุ้นกันไหมคะกับคำๆ นี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด และไม่รู้ว่าต้นตอมาจากไหนแต่ถ้าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำหนัก การลดสัดส่วนแล้วละก็ สาวๆ หนุ่มๆ ที่อยากหุ่นดีต่างเต็มใจเชื่อ และเต็มใจทำตามสิ่งที่คนอื่นว่าดีโดยหากรู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายภายหลัง
แต่มีอยู่ 8 แนวทางควบคุมน้ำหนักสุดแปลก และไม่น่าเชื่อ(จริงๆ)แต่ได้รับการพิสูจน์จากวิทยาศาสตร์แล้วว่าได้ผล! แอบกระซิบบอกก่อนว่าแต่ละวิธีเน้นปรับพฤติกรรมการกิน และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายแน่นอนค่ะ
1. แขวนกระจกในห้องทานข้าว ช่วยลดความอยากอาหาร
จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารหน้ากระจกจะทานอาหารจานด่วนหรือjunk foodน้อยลง ในทางตรงกันข้ามผู้ที่รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกลับรู้สึกดี(ทานหน้ากระจกเช่นเดียวกัน) และสามารถทานได้มากกว่า โดยผู้วิจัยคิดว่าเงาสะท้อนจากกระจกนั้นส่งผลต่อการเลือกทานอาหาร ซึ่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพก็ส่งผลต่ออารมณ์ในแง่บวก
2. จัดระเบียบห้องครัวส่งผลต่อการเลือกทานอาหาร
ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าการอยู่ในห้องครัวที่รกไม่เป็นระเบียบส่งผลให้ผู้ทดลองอยากกินขนมคบเคี้ยวมากกว่าผู้ที่อยู่ในห้องครัวที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
โดยกลุ่มผู้ทดลองกลุ่มแรกหรือกลุ่มที่อยู่ในห้องครัวที่รกไม่เป็นระเบียบนั้นทานอาหารประเภทjunk foodมากถึง 100 แคลอรี่ ในขณะเดียวกันกลุ่มที่สองเลือกทานแครอทเป็นของว่าง ใครว่างๆ ก็ลุกขึ้นมาจัดระเบียบห้องครัวกันสักหน่อย ห้องครัวจะได้สะอาดแถมส่งผลต่อการเลือกทานอาหารด้วยค่ะ
3. จ่ายเงินสดซื้ออาหาร(ขยะ)ดีกว่า
นักวิทยาศาสตร์พบว่าการเลือกจ่ายด้วยเงินสดเพื่อซื้อขนมคบเคี้ยวอย่างแท่งช็อกโกแลตหรือมันฝรั่งทอดดีกว่าการจ่ายด้วยบัตรเครดิต เพราะการจ่ายด้วยเงินสดจะทำให้เราหยุดคิดว่าจะซื้อดีไหม และสามารถหยุดความคิดในการเลือกซื้ออาหารจำพวกขนม เช่นเค้กหรือคุ้กกี้
และอีกหนึ่งเคล็ดลับคือการเลือกรถเข็นเล็กๆ เพราะได้รับการศึกษาแล้วยิ่งรถเข็นใหญ่จะยิ่งซื้อเยอะ
SPONSORED
4. ทานอาหารในแสงสลัว ช่วยให้กินน้อยลง
การทานอาหารในที่ๆ มีไฟมืดสลัวไม่สว่างมากเกินไปนั้นส่งผลให้เรากินได้น้อยลง ในการศึกษาพบว่าผู้ทดลองที่รับประทานอาหารในไฟสลัวใช้เวลาในการทานนานกว่าก็จริงแต่จะอร่อยไปกับมื้ออาหาร และจะบริโภคแคลอรี่ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ทานอาหารในที่ๆ ไฟสว่าง
5. หนังแอคชั่น ตัวร้ายของการทานที่มากขึ้น
ดูหนังไปพลางทานข้าวไปส่งผลเสียต่อสุขภาพแน่นอน โดยเฉพาะหนังแอคชั่นและหนังรักปนเศร้า(หนังที่ทำให้เสียน้ำตาได้ง่าย) พบว่ากลุ่มทดลองที่ดูหนัง The Island (หนังแอคชั่นไซไฟว่าด้วยการผจญภัยของมนุษย์โคลนนิ่ง 2 ตนที่คิดว่าตนคือมนุษย์จริงๆ ) จะรับประทานขนมระหว่างชมมากกว่าดูทอล์กโชว์รายการ Charlie Rose
และผู้ที่ดูหนังรักหนังเศร้าจะทานป็อปคอร์นรสเนยมากถึง 28-55 เปอร์เซ็นต์ซึ่งมากกว่าผู้ที่ดูหนังตลก อย่างไรก็ตามการทานป็อปคอร์นก็ไม่ส่งผลดีต่อร่างกายสักเท่าไหร่ เพื่อให้ดีต่อสุขภาพที่สุดควรหลีกเลี่ยง และเน้นการดูหนังมากกว่าการกิน
6. กลิ่นเปเปอร์มิ้นท์ช่วยบรรเทาความอยากอาหาร
กลิ่นอ่อนๆ ของเปเปอร์มิ้นท์ก็ช่วยควบคุมความอยากทานได้ การศึกษาพบว่าผู้ที่ดมกลิ่นเปเปอร์มิ้นท์ทุก 2 ชั่วโมงจะรู้สึกหิวน้อยลง และจะบริโภคอาหารโดยเฉลี่ยประมาณ 2800 กิโลแคลอรี่(ต่ออาทิตย์) ซึ่งถือว่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดมเลย
อีกหนึ่งการศึกษาพบว่าการแปะกลิ่นวานิลลาก็ส่งผลต่อการอยากทานอาหารเช่นเดียวกัน โดยผู้ที่แปะสามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 5 ปอนด์ในหนึ่งเดือน และรู้สึกว่าสามารถควบคุมความหิว และพฤติกรรมการกินของตนได้ดีกว่าผู้ที่ไม่แปะ
7. เลือกใช้ช้อนส้อมยาว
การรับประทานอาหารด้วยช้อนส้อมแบบยาวจะช่วยชะลอการทานอาหารใ้ห้ช้าลงซึ่งดีต่อระบบการย่อย และช่วยรู้สึกอร่อยไปกับมื้ออาหาร
การศึกษาของประเทศไต้หวันพบว่าการใช้อุปกรณ์ทานอาหารที่สั้นจะทำให้ผู้ทดลองอยากตักทานอาหารมากขึ้น ในขณะที่ผู้ที่ใช้ช้อนส้อมยาวจะเอร็ดอร่อยไปกับอาหารมากกว่า ถึงแม้จะใช้เวลาในการทานนานกว่าแต่ก็ทานได้น้อยกว่าด้วยซึ่งส่งผลดีต่อผู้ที่อยากควบคุมอาหาร
8 อยากทานน้อยต้องเลือกสีอาหาร และสีจานที่ไม่เข้ากัน
เคยเห็นเมนูพาสต้าครีมซอสบนจานขาวแล้วอดใจไม่ไหวไหม เพราะดูน่ากินไปหมด และดูเข้ากันดีทั้งสีของอาหาร และสีของจานแต่ส่งผลให้เราทานเยอะทานจนหมด ในขณะเดียวกันการศึกษาพบว่าอาหาร และสีจานที่ไม่เข้ากันหรืออยู่คนละโทนสีกลับช่วยเรื่องการควบคุมปริมาณอาหาร
อีกหนึ่งการศึกษาจาก International Journal of Obesity พบว่าหากใช้จานขาวริมน้ำเงินจะส่งผลให้ปริมาณอาหารดูเยอะมากกว่าเดิม
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการทานที่เยอะมากกว่าปกติพยายามหาจานที่มีสีตรงข้ามหรือไม่เข้าคู่กับสีของอาหาร
8 แนวทางควบคุมน้ำหนักนี้เน้นการปรับพฤติกรรมการกินซึ่งทุกคนสามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มอยากดูแลสุขภาพโดยเริ่มจากพฤติกรรมการกิน หากได้นำแนวทางนี้นำไปใช้ควบคู่กับการออกกำลังกายรับรองว่าการมีหุ่นดีที่สมส่วนจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมค่ะ
ที่มา และรูป: menshealth&prevention
